จะเขียนบล็อกเรื่องอะไรดี? วิธีเลือกหัวข้อให้เหมาะกับคุณ

บล็อกเกอร์กำลังคิดหัวข้อบล็อกที่เหมาะกับตัวเอง
จะเขียนเรื่องอะไรดี ทำบล็อกเกี่ยวกับอะไรดี?

คุณเคยเจอความรู้สึกแบบนี้ไหม นั่งจ้องหน้าจอคอม เปิด Blogger หรือแพลตฟอร์มบล็อกอื่น ๆ แต่กลับนึกไม่ออกเลยว่าจะเริ่มต้นจากตรงไหน? นี่เป็นปัญหาคลาสสิกของทุกคนที่อยากเริ่มทำบล็อก เพราะมันไม่ใช่แค่เรื่องของ “การมีบล็อก” แต่เป็นเรื่องของการหา “สิ่งที่ใช่” ให้กับตัวเอง การเลือกหัวข้อบล็อกมันไม่ต่างจากการเลือกเส้นทางชีวิต ถ้าคุณเลือกเส้นทางที่คุณสนใจจริง ๆ คุณจะเดินไปได้ไกลและสนุกกับมัน แต่ถ้าคุณเลือกแบบสุ่ม ๆ เพราะเห็นว่ามันทำเงินได้เร็ว คุณอาจจะหมดไฟกลางทางก่อนที่จะมีรายได้จริง ๆ ด้วยซ้ำ

บางคนคิดว่า "จะเขียนอะไรก็ได้ เดี๋ยวไปหาทางทำเงินทีหลัง" ซึ่งมันก็ไม่ผิดนะ แต่ลองนึกภาพตาม ถ้าคุณเปิดร้านแล้วไม่มีลูกค้าเข้ามาซื้อของเลย คุณจะรู้สึกยังไง? บล็อกก็เหมือนกัน ถ้าคุณเลือกเขียนเรื่องที่ไม่มีคนสนใจ โอกาสที่บล็อกจะเติบโตและสร้างรายได้ก็น้อยลงไปด้วย

บล็อกที่ประสบความสำเร็จต้องมีอะไรบ้าง?

บล็อกเกอร์ที่ไปได้ไกลไม่ใช่แค่เพราะพวกเขาเก่งการเขียน แต่เพราะพวกเขาเลือกหัวข้อที่ตอบโจทย์ 3 ข้อนี้คุณต้องเขียนได้เรื่อย ๆถ้าคุณเขียนไป 3 บทความแล้วเบื่อ โอกาสที่บล็อกจะเติบโตมีน้อยมาก แต่ถ้าหัวข้อที่คุณเลือกเป็นสิ่งที่คุณชอบจริง ๆ คุณจะมีแรงขับเคลื่อนที่จะเขียนมันต่อไปเรื่อย ๆ

ต้องเป็นเรื่องที่มีคนสนใจ ต่อให้คุณเขียนดีแค่ไหน ถ้าไม่มีใครค้นหาหรืออ่านมันก็คงไม่มีประโยชน์ หัวข้อที่ดีควรเป็นสิ่งที่มีคนอยากรู้ และคุณสามารถให้คำตอบหรือข้อมูลที่มีคุณค่าได้

ต้องมีศักยภาพในการสร้างรายได้ ถ้าคุณอยากให้บล็อกเป็นมากกว่างานอดิเรก หัวข้อที่คุณเลือกควรสามารถต่อยอดไปสู่การสร้างรายได้ได้ เช่น การติดโฆษณา การทำ Affiliate หรือแม้แต่การขายสินค้าของตัวเองการเลือกหัวข้อไม่ใช่แค่การตัดสินใจว่าจะเขียนอะไร แต่มันคือการกำหนดอนาคตของบล็อกว่าคุณจะไปได้ไกลแค่ไหน

เลือกหัวข้อบล็อก = เลือกเส้นทางเดินของตัวเอง ลองนึกถึงตัวเองตอนสมัครงาน ถ้าคุณเลือกงานที่คุณไม่ชอบ ต่อให้ได้เงินเดือนดีแค่ไหน คุณก็อาจจะรู้สึกเบื่อและอยากลาออกเร็ว ๆ บล็อกก็เป็นแบบเดียวกัน ถ้าคุณเลือกเขียนเรื่องที่คุณไม่ได้อินจริง ๆ แค่เพราะมันดูเหมือนจะทำเงินได้ คุณจะหมดไฟก่อนที่จะมีรายได้บางคนเลือกหัวข้อบล็อกแบบผิด ๆ เพราะเห็นว่าคนอื่นทำแล้วได้เงินเยอะ เลยพยายามทำตาม แต่ลืมคิดไปว่าตัวเองไม่มีความรู้หรือความชอบในเรื่องนั้นเลย

ตัวอย่างการเลือกหัวข้อผิด ๆ ที่มักพบบ่อยเลือกตามกระแสแบบไม่คิดให้รอบคอบ → บางเรื่องมันมาไวไปไว เช่น "เทรนด์มือถือปี 2023" พอหมดปีก็แทบไม่มีคนสนใจแล้ว 

  • เลือกเรื่องที่ตัวเองไม่มีความรู้เลย → สุดท้ายต้องไปก็อปเนื้อหาคนอื่นมา หรือเขียนได้แค่ผิวเผิน
  • เลือกหัวข้อที่แคบเกินไป → เช่น "รีวิวแอปตัวเดียว" พอรีวิวจบก็ไม่รู้จะเขียนอะไรต่อ
  • เลือกหัวข้อที่กว้างเกินไป → เช่น "ไลฟ์สไตล์" หรือ "สุขภาพ" แต่ไม่มีจุดโฟกัส คนอ่านไม่รู้ว่าบล็อกคุณให้ความสำคัญกับเรื่องไหน

ในขณะเดียวกัน คนที่เลือกหัวข้อบล็อกได้ดีมักจะมีคุณสมบัติเหล่านี้ มีความรู้หรือประสบการณ์ในเรื่องนั้นสามารถให้คุณค่าและช่วยคนอ่านได้จริงมีแรงบันดาลใจที่จะเขียนเรื่องนี้ไปอีกนานการเลือกหัวข้อบล็อกไม่ใช่แค่เรื่องของการหา "สิ่งที่คนต้องการ" แต่ต้องเป็น "สิ่งที่คุณสามารถเขียนได้เรื่อย ๆ" ด้วย

"แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าควรเขียนเรื่องอะไร?"ถ้าคุณยังลังเลว่าจะเลือกหัวข้อไหนดี ลองตอบคำถามเหล่านี้ดู 

  • มีเรื่องอะไรที่คุณพูดแล้วไม่เบื่อ? → ถ้าต้องอธิบายเรื่องนี้ให้เพื่อนฟัง คุณจะสนุกไหม?
  • คุณมีประสบการณ์อะไรที่สามารถแชร์ให้คนอื่นได้? → คุณเคยเจอปัญหาอะไรแล้วแก้ได้? 
  • ถ้าต้องเขียนบทความ 10 เรื่องเกี่ยวกับเรื่องนี้ คุณจะยังอยากเขียนต่อไหม?
  • มีเรื่องไหนที่คุณเคยค้นหาเองใน Google แล้วคิดว่า "ทำไมไม่มีใครเขียนเรื่องนี้ให้มันเคลียร์ ๆ ไปเลย?" → นี่อาจเป็นหัวข้อที่คุณควรเขียน

ลองคิดถึงตัวอย่างเหล่านี้

  • ถ้าคุณเป็นคนที่ชอบทดลองเทคโนโลยีใหม่ ๆ → บล็อกรีวิวอุปกรณ์ IT อาจเหมาะกับคุณ
  • ถ้าคุณสนใจเรื่องการเงินและชอบแชร์เทคนิคการออมเงิน → บล็อกแนะแนวทางการเงินอาจเป็นทางที่ดี
  • ถ้าคุณมีประสบการณ์ลดน้ำหนักแบบธรรมชาติแล้วทำสำเร็จ → บล็อกสุขภาพอาจเป็นคำตอบของคุณ

สิ่งสำคัญคือ คุณต้องเลือกเรื่องที่ "คุณมีแพสชั่น" และ "มีคนต้องการอ่าน" ไม่ใช่แค่เรื่องที่คุณคิดว่ามันทำเงินได้เยอะ เพราะถ้าคุณไม่มีแพสชั่น มันจะกลายเป็นภาระมากกว่าสิ่งที่คุณอยากทำ

อย่ากลัวที่จะเริ่มต้น หลายคนคิดว่า "ฉันไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ จะเขียนได้เหรอ?" แต่เชื่อเถอะ คนที่เริ่มบล็อกส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญตั้งแต่แรก แต่พวกเขาเริ่มจาก "การแบ่งปัน" และค่อย ๆ เติบโตไปพร้อมกับบล็อกของตัวเอง ถ้าคุณรอจนกว่าตัวเองจะรู้ทุกอย่างก่อนเริ่มเขียน คุณจะไม่ได้เริ่มต้นเลย เพราะไม่มีใครรู้ทุกอย่างตั้งแต่แรก หัวใจสำคัญของการทำบล็อกคือ "การเรียนรู้และพัฒนาไปพร้อมกับมัน บทความนี้ช่วยให้คุณเห็นภาพชัดขึ้นหรือยัง? การเลือกหัวข้อบล็อกไม่ใช่เรื่องยาก ถ้าคุณรู้จักตัวเองดีพอ และรู้ว่าคนอ่านต้องการอะไร ถ้าคุณมีไอเดียอยู่ในหัว ลองเริ่มต้นเขียนลงไปก่อน อย่ารอให้ทุกอย่างสมบูรณ์แบบ เพราะบล็อกที่ดีคือบล็อกที่ถูกเขียนขึ้นมา ไม่ใช่บล็อกที่อยู่แค่ในความคิด

ภาพแสดงบล็อกเกอร์กำลังเลือกหัวข้อที่เหมาะสมกับตนเอง บรรยากาศอบอุ่นและมีแรงบันดาลใจ พร้อมโน้ตไอเดียมากมายรอบตัว
วิธีเลือกหัวข้อบล็อกให้ตรงกับตัวเอง 
ถ้าคุณยังไม่มีวิธีเลือกหัวข้อบล็อกให้ตรงกับตัวเอง
บางคนอาจจะคิดว่า การเลือกหัวข้อบล็อกเป็นเรื่องของ "เทรนด์" หรือ "ความนิยม" แต่จริง ๆ แล้ว ถ้าคุณต้องการทำบล็อกให้เติบโตอย่างยั่งยืน หัวข้อที่ดีที่สุดคือ "หัวข้อที่คุณสามารถเขียนได้ต่อเนื่อง โดยไม่รู้สึกฝืน"ลองนึกภาพว่าคุณเริ่มต้นทำบล็อกเกี่ยวกับ การลงทุน เพียงเพราะเห็นว่าคนอื่นทำแล้วได้รายได้ดี แต่คุณกลับไม่อินกับมันเลย ทุกครั้งที่ต้องเขียนบทความ คุณรู้สึกเหมือนกำลังทำการบ้านส่งอาจารย์ ไม่มีแรงบันดาลใจ ไม่มีอะไรที่อยากแบ่งปันจริง ๆ แบบนี้ต่อให้บล็อกคุณติดอันดับ Google ก็คงอยู่ได้ไม่นาน เพราะสุดท้ายคุณอาจจะเบื่อและเลิกทำมันไป

แต่ในทางกลับกัน ถ้าคุณเขียนเกี่ยวกับ สิ่งที่คุณรัก เช่น คุณเป็นคนที่ชอบท่องเที่ยว และสามารถเล่าเรื่องการเดินทางของตัวเองได้แบบไม่รู้เบื่อ ต่อให้คุณยังไม่รู้วิธีหาเงินจากมัน คุณก็จะมีแรงขับเคลื่อนในการทำบล็อกต่อไปเรื่อย ๆ และเมื่อถึงจุดหนึ่ง คุณจะเริ่มมองเห็นโอกาสในการสร้างรายได้จากมันเอง

เริ่มต้นจากคำถามเหล่านี้
ถ้าคุณยังไม่มีไอเดีย ลองตอบคำถามเหล่านี้ดู
1. คุณสนใจเรื่องอะไรเป็นพิเศษ?
หัวข้อที่คุณเลือกควรเป็นสิ่งที่คุณมีความสนใจหรือหลงใหลจริง ๆ เพราะคุณต้องใช้เวลาหลายเดือนหรือหลายปีในการเขียนเกี่ยวกับมัน
> ตัวอย่าง คุณเป็นคนที่รักการทำอาหาร ชอบลองสูตรใหม่ ๆ และสนุกกับการรีวิวร้านอาหาร นี่อาจเป็นสัญญาณว่าคุณควรเริ่มบล็อกเกี่ยวกับการทำอาหาร
2. มีเรื่องอะไรที่คุณพูดได้ไม่เบื่อ?
ลองนึกดูว่ามีเรื่องอะไรที่คุณสามารถคุยกับเพื่อนได้เป็นชั่วโมงโดยไม่รู้สึกเหนื่อย?
> ตัวอย่าง: คุณชอบพูดคุยเกี่ยวกับการออกกำลังกาย ชอบแชร์เคล็ดลับการลดน้ำหนักให้เพื่อน ๆ คุณอาจจะเหมาะกับบล็อกเกี่ยวกับสุขภาพและฟิตเนส
3. ถ้าต้องเขียน 10 บทความเกี่ยวกับเรื่องนี้ คุณยังอยากเขียนต่อไหม?
บางคนเริ่มต้นด้วยไอเดียที่ฟังดูดีในตอนแรก แต่พอเขียนไปไม่กี่บทความกลับหมดไฟ เพราะมันไม่ใช่สิ่งที่คุณชอบจริง ๆ
> วิธีทดสอบ ลองจดหัวข้อบทความที่คุณอยากเขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้มาให้ได้อย่างน้อย 10 หัวข้อ ถ้าคุณคิดไม่ออกตั้งแต่ตอนนี้ แสดงว่ามันอาจไม่ใช่หัวข้อที่คุณจะทำไปได้นาน
4. คุณมีประสบการณ์หรือความรู้ในเรื่องอะไรบ้าง?
สิ่งที่คุณรู้อยู่แล้วจะช่วยให้คุณเขียนบทความได้ง่ายขึ้น และทำให้คุณมีความน่าเชื่อถือในสายตาผู้อ่าน
> ตัวอย่าง: ถ้าคุณเป็นช่างภาพ และมีประสบการณ์ถ่ายภาพมาหลายปี คุณสามารถแชร์เทคนิคการถ่ายภาพ หรือแนะนำอุปกรณ์ถ่ายภาพที่เหมาะสมได้
5. คุณเคยผ่านปัญหาอะไร แล้วหาทางแก้ไขจนสำเร็จไหม?
บางครั้งประสบการณ์ที่คุณเคยเผชิญมา อาจเป็นสิ่งที่มีค่ามากที่สุดสำหรับผู้อื่น เพราะมีคนมากมายที่อาจกำลังเผชิญกับปัญหาเดียวกับคุณ และกำลังมองหาทางออก
> ตัวอย่าง คุณเคยเป็นหนี้บัตรเครดิตมาก่อน และสามารถปลดหนี้ได้ภายใน 1 ปี คุณสามารถเขียนบล็อกเกี่ยวกับการบริหารการเงินส่วนบุคคล และช่วยคนอื่นที่กำลังเจอปัญหาเดียวกัน
6. คุณเคยมีประสบการณ์ในงานหรือทักษะเฉพาะทางอะไรบ้าง?
ถ้าคุณมีทักษะเฉพาะทางหรือมีความเชี่ยวชาญในสาขาใดสาขาหนึ่ง นี่อาจเป็นหัวข้อที่ดีสำหรับบล็อกของคุณ
> ตัวอย่าง คุณเป็นนักออกแบบกราฟิก และเชี่ยวชาญเรื่องการใช้ Adobe Photoshop คุณสามารถทำบล็อกสอนเทคนิคการออกแบบและสร้างผลงานได
7. คุณอยากช่วยเหลือใคร?
การทำบล็อกไม่ใช่แค่เรื่องของคุณ แต่เป็นเรื่องของ "ผู้อ่าน" ด้วย ถ้าคุณสามารถช่วยแก้ปัญหาให้คนอ่านได้ บล็อกของคุณก็จะมีคุณค่าและมีโอกาสเติบโต
> ตัวอย่าง คุณเคยเป็นนักศึกษาที่ต้องหาวิธีเรียนให้ได้เกรดดี ๆ โดยไม่ต้องอ่านหนังสือหนัก ๆ คุณอาจเริ่มบล็อกเกี่ยวกับเทคนิคการเรียนสำหรับนักเรียนและนักศึกษา
หัวข้อบล็อกที่เกิดจากตัวตนของคุณ จะมีพลังมากที่สุด
ลองคิดดูว่า ทำไมบางบล็อกถึงมีคนติดตามเยอะ? คำตอบคือ "พวกเขาเลือกเขียนในสิ่งที่ตัวเองมีแพสชั่น และสามารถให้คุณค่าแก่ผู้อ่านได้จริง"บล็อกที่ดีไม่จำเป็นต้องมาจาก "หัวข้อที่ทำเงินได้ดีที่สุด" แต่มาจาก "หัวข้อที่คุณสามารถทำได้ดีที่สุด"
  • ตัวอย่างคุณชอบ DIY และทำของใช้เอง? → บล็อกเกี่ยวกับงานฝีมือและการตกแต่งบ้าน
  • คุณเป็นคนชอบวิเคราะห์ฟุตบอล? → บล็อกเกี่ยวกับการวิเคราะห์เกมและการทายผลบอล
  • คุณชอบเล่าเรื่องและเขียนนิยาย? → บล็อกเกี่ยวกับการเขียนและแนะนำหนังสือ
การเลือกหัวข้อที่เหมาะกับตัวเอง ไม่ใช่แค่ทำให้คุณสนุกกับมัน แต่ยังทำให้คุณโดดเด่นในสายตาผู้อ่าน เพราะคุณจะสามารถถ่ายทอดเนื้อหาได้จากมุมมองที่เป็นเอกลักษณ์ของคุณเอง สิ่งสำคัญที่สุดคือ "คุณต้องสนุกกับมัน" ถ้าคุณสนุกกับสิ่งที่คุณเขียน มันจะสะท้อนออกมาในเนื้อหาของคุณ และผู้อ่านก็จะรับรู้ได้ ถ้าคุณรู้สึกว่าหัวข้อที่คุณเลือกตอบโจทย์ตัวเองและสามารถเขียนได้ต่อเนื่อง ลองเริ่มต้นเขียนบทความแรกเลย อย่ามัวแต่คิดเยอะ เพราะบล็อกที่ดีที่สุด คือบล็อกที่ถูกสร้างขึ้น ไม่ใช่บล็อกที่อยู่แค่ในความคิด

ภาพดิจิทัลแสดงบล็อกเกอร์กำลังวางแผนกลุ่มเป้าหมายของบล็อก โดยมีแผนภาพและโน้ตเกี่ยวกับผู้อ่านที่ต้องการเข้าถึง เช่น ผู้ที่สนใจเทคโนโลยี การเงิน หรือการพัฒนาตัวเอง บรรยากาศของภาพเน้นการตั้งเป้าหมายอย่างมีทิศทาง เพื่อสร้างบล็อกที่ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายได้ดีที่สุด
บล็อกที่ดีต้องมี "เป้าหมาย" ว่ากำลังเขียนเพื่อใคร
ก่อนจะลงมือเขียนบล็อกบทแรก ผมอยากชวนคุณหยุดคิดสักนิด...ไม่ใช่เพื่อให้ลังเล แต่เพื่อให้ "มั่นใจ" ว่าสิ่งที่คุณกำลังจะสร้างขึ้นมา มันจะมี "ทิศทาง" เพราะบล็อกที่ดี มันไม่ใช่แค่การเขียนอะไรก็ได้ แล้วรอให้คนมาอ่านแต่มันคือ “พื้นที่” ที่คุณกำลังจะเปิดให้ใครบางคนเข้ามา...แล้วได้อะไรกลับไป
ลองถามตัวเองดูครับว่า... คุณอยากให้บล็อกของคุณ ช่วยแก้ปัญหาอะไร ให้คนอ่าน? คุณอยากให้คนที่เข้ามาแล้ว รู้สึกยังไง เมื่ออ่านจบ? และท้ายที่สุด… คุณอยากให้บล็อกนี้สร้างรายได้แบบไหน?ไม่ใช่ทุกคนต้องหาเงินจากบล็อกแต่ถ้าคุณหวังให้มันมีรายได้ในสักวัน การกำหนด “เป้าหมาย” ตั้งแต่ต้น
จะช่วยให้คุณเดินไปถึงได้เร็วขึ้น...และเหนื่อยน้อยลง

แล้วรายได้จากบล็อก...มีทางไหนบ้าง?
1. อยากติดโฆษณา AdSense
ถ้านี่คือเป้าหมายของคุณ...คุณต้องโฟกัสที่การเขียนบทความคุณภาพ ที่ Google มองว่า “มีประโยชน์”
เนื้อหาต้องละเอียด อ่านแล้วเข้าใจง่าย และมีคำค้นที่คนเสิร์ชจริง อย่าหวังรวยเร็วจากทางนี้ แต่ถ้าทำได้ดี มันจะเป็นรายได้แบบพาสซีฟที่เกิดขึ้นต่อเนื่อง

2. อยากโปรโมท Affiliate
บล็อกแบบนี้จะเน้นรีวิว แนะนำ แกะกล่อง วิเคราะห์ เปรียบเทียบ ฯลฯสิ่งสำคัญคือ...คุณต้องเลือกสินค้าให้ “ตรงกับคนอ่าน”แล้วเขียนให้น่าเชื่อถือ ไม่ยัดเยียด ไม่ขายตรงจนเกินไป เขียนให้เหมือนเพื่อนแนะนำกัน แล้วคนจะ “คลิก” เอง

3. อยากขายสินค้าหรือบริการของตัวเอง
บล็อกในแบบนี้ คือช่องทางที่ดีที่สุดในการ “เล่าเรื่อง”
คุณสามารถใช้บล็อกเพื่อแชร์เบื้องหลังสินค้า วิธีคิด เทคนิคการใช้ และปัญหาที่คุณช่วยแก้ได้ เมื่อคนเชื่อใจคุณแล้ว การซื้อก็เกิดขึ้นเองแบบไม่ต้องขายเลยสักคำ

พูดง่ายๆก่อนเริ่มเขียน
บล็อกที่ไม่มีเป้าหมาย = เขียนไปเรื่อยแบบไม่รู้จะไปไหน บล็อกที่มีเป้าหมาย = เขียนไปเรื่อย แต่รู้ว่า “เขียนเพื่อใคร” และ “หวังผลอะไร” คุณไม่จำเป็นต้องรู้คำตอบทุกข้อในวันนี้ แต่แค่รู้ว่า “บล็อกนี้เขียนเพื่อใคร” แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว ที่จะทำให้คุณมีทิศทาง และมีแรงเขียนต่อไปเรื่อย ๆ แบบไม่หลงทาง ถ้าคุณพร้อมแล้ว...ลองเขียนจุดประสงค์บล็อกของคุณสั้น ๆ ไว้ในโพสต์แรกเลย “บล็อกนี้เขียนขึ้นมาเพื่อแบ่งปัน ____ ให้กับคนที่ _____ และหวังว่า _____” เพราะข้อความประโยคเดียวนี้…จะเป็นเข็มทิศที่พาคุณเขียนไปได้อีกไกล

ภาพดิจิทัลแสดงบล็อกเกอร์มือใหม่ที่กำลังนั่งเครียดอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ โดยมีฟองความคิดสามฟองลอยอยู่รอบ ๆ สื่อถึงข้อผิดพลาดที่พบบ่อย ได้แก่ การเลือกหัวข้อเพราะคิดว่าจะทำเงินได้แต่ไม่ชอบจริง ๆ การเลือกหัวข้อที่แคบเกินไปจนไม่มีเรื่องให้เขียนต่อ และการเลือกหัวข้อที่กว้างเกินไปจนขาดจุดโฟกัส บรรยากาศอบอุ่นแต่สะท้อนความสับสนและกดดันของมือใหม่ที่เริ่มทำบล็อก
ข้อผิดพลาดที่มือใหม่มักทำ
การเริ่มต้นทำบล็อกโดยไม่มีเข็มทิศ อาจทำให้คุณเดินวนอยู่กับที่ จนสุดท้ายต้องล้มเลิกไปอย่างน่าเสียดาย ผมเลยอยากแบ่งข้อผิดพลาดคลาสสิกที่เจอกันบ่อย ๆ พร้อมเคสตัวอย่างที่อาจทำให้คุณร้อง “เออ ใช่เลย เราเคยเป็นแบบนี้!”

1. เลือกเพราะ “หวังเงิน” แต่ไม่มีใจรัก

ตัวอย่าง พี่โอมเป็นพนักงานออฟฟิศที่อยากหารายได้เสริม เลยเริ่มบล็อกรีวิวมือถือ เพราะเห็นว่าคนเขียนแนวนี้ได้เงินจาก Affiliate ดี แต่ปัญหาคือ...พี่โอมไม่ได้อินกับเทคโนโลยีเลย แยกไม่ออกด้วยซ้ำว่า Snapdragon กับ MediaTek ต่างกันยังไง ผลคือ พอเขียนไปได้ 4 บทความ พี่โอมก็หมดไฟ ไม่อยากแตะบล็อกอีกเลย เพราะรู้สึกฝืนและเครียด
> "ไม่อินแต่ฝืนเขียน = พังตั้งแต่บทที่ห้า"
ถ้าใจไม่รัก ต่อให้ได้เงินก็รู้สึกว่า “เหนื่อยเกินคุ้ม”
2. เลือกหัวข้อที่ “ตัน” ตั้งแต่เริ่ม
ตัวอย่าง แป้งเริ่มบล็อกรีวิวแอปจดบันทึกชื่อดัง เพราะเธอใช้แอปนั้นอยู่ทุกวัน แต่บล็อกของแป้งตั้งชื่อว่า “Everyday with NotyNote” และบทความแรกก็ปังมาก คนอ่านเยอะ แชร์กันเพียบ แต่...พอรีวิวแอปเสร็จครบทุกฟีเจอร์ แป้งก็หมดมุกไม่รู้จะเขียนอะไรต่อ เพราะหัวข้อมันแคบมากจนไม่มีพื้นที่ให้ต่อยอด
> "หัวข้อแคบ = บล็อกตันไว"
เหมือนร้านที่มีสินค้าชิ้นเดียว แล้วเปิดขายทุกวัน
3. เลือกหัวข้อกว้างเกินไป จน “หลงทาง”
ตัวอย่าง บิวเริ่มบล็อกชื่อ “ชีวิตและทุกสิ่ง” ซึ่งในบล็อกมีตั้งแต่เรื่องแฟชั่น อาหาร การเงิน ไปจนถึงรีวิวหมา แม้จะฟังดูเจ๋งและอิสระสุด ๆ แต่สุดท้ายแล้ว…ไม่มีใครรู้ว่าบล็อกของบิว "เน้นเรื่องอะไร"คนอ่านใหม่สับสน คนติดตามไม่ต่อเนื่อง บิวเองก็เริ่มเบลอว่า “ฉันควรเขียนเรื่องไหนดีนะ?” จนบล็อกเงียบไปเรื่อย ๆ
> "หัวข้อกว้างเกินไป = ไร้จุดยืน"
เหมือนร้านค้าที่มีทุกอย่าง แต่ไม่มีอะไรโดดเด่น

สรุปสั้นๆ 

ข้อผิดพลาด อาการ ผลลัพธ์
เลือกเพราะหวังเงิน แต่ไม่อิน ฝืนเขียน เบื่อ หมดไฟเร็ว
หัวข้อแคบเกินไป เขียนหมดไว ตัน ไม่มีต่อ
หัวข้อกว้างเกินไป ไม่มีจุดยืน คนอ่านไม่รู้ว่าให้ติดตามเรื่องอะไร

ถ้าคุณอ่านจบตรงนี้ แล้วเผลอถอนหายใจเพราะเคย "พลาดแบบเดียวกัน" อย่าเพิ่งรู้สึกแย่ครับ เพราะมือใหม่ทุกคนก็เคยผ่านจุดนี้กันมาแล้วทั้งนั้น แต่ถ้าคุณเรียนรู้จากความผิดพลาด และ “เริ่มใหม่ด้วยความเข้าใจ”ครั้งต่อไป...คุณจะเลือกหัวข้อได้อย่างมั่นใจ และเดินต่อได้ไกลกว่าที่เคยแน่นอน

ภาพดิจิทัลแสดงบล็อกเกอร์กำลังเลือกหัวข้อบล็อกอย่างมั่นใจ โดยมีโน้ตบุ๊กที่แสดงเกณฑ์สำคัญ 3 ข้อ ได้แก่ "Passion" (ความสนใจ), "Search Demand" (ความต้องการค้นหา), และ "Monetization Potential" (ศักยภาพในการสร้างรายได้) พร้อมไอคอนแว่นขยาย หัวใจ และสัญลักษณ์เงินลอยอยู่รอบ ๆ บรรยากาศอบอุ่นและสร้างแรงบันดาลใจ
วิธีเลือกหัวข้อที่ใช้คุณอาจเคยได้ยินคำว่า “Content is King” แต่ในโลกของการทำบล็อก..."หัวข้อที่คุณเลือก" คือพระราชวังที่ King ต้องอยู่ เพราะต่อให้เนื้อหาคุณดีแค่ไหน แต่ถ้ามันไม่มีคนอยากเข้าไปอ่าน ก็เหมือนปราสาทร้างไม่มีใครแวะ ไม่มีคนแชร์ ไม่มีรายได้

แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าหัวข้อไหน "ใช่" สำหรับคุณ?ผมขอชวนคุณลองนึกภาพตัวเองในอีก 6 เดือน หรือ 1 ปีข้างหน้า...ถ้าคุณยังอยากเขียนเรื่องเดิมอยู่ นั่นแหละคือสัญญาณที่ดี แต่อีกทางหนึ่ง ถ้าคุณยังลังเล ลองใช้สูตร “3 ข้อง่าย ๆ” ที่ผมใช้จริง และอยากส่งต่อให้คุณลองใช้เลือกหัวข้อในบล็อกของตัวเอง:

สูตร 3 ข้อในการเลือกหัวข้อบล็อกให้ยั่งยืน

1. คุณอินกับมันจริงไหม? (Passion)ถ้าเรื่องนี้ทำให้คุณลุกจากเตียงมาพิมพ์บทความตอนตีสองได้โดยไม่บ่น แสดงว่าคุณเจอของจริงแล้ว

> ถ้าเขียนแล้วสนุก ไม่ใช่แค่เขียนให้เสร็จ คุณจะเขียนได้เรื่อย ๆ

2. มันมีคนค้นหาหรือเปล่า? (Search Demand)คุณอาจรักการสะสมตราไปรษณีย์ แต่ถ้าไม่มีใครเสิร์ชหาคำว่า "แสตมป์รุ่นหายากปี 2528" เลย บล็อกก็ยากจะโต

> ลองใช้ Google Trends, Answer the Public หรือ Keyword Planner ช่วยดูว่าหัวข้อนี้มีคนต้องการไหม

3. มันต่อยอดไปหารายได้ได้หรือไม่? (Monetization Potential)ถ้าคุณจะลงทุนเวลาเขียนบล็อกอย่างจริงจัง หัวข้อนั้นควรมีช่องทางทำเงิน ไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อม

> จะติดโฆษณา ทำ Affiliate หรือขายของก็ได้ทั้งนั้น ขอแค่เรื่องนั้นเชื่อมไปถึงรายได้ในสักทางหนึ่ง

บทความถัดไป เราจะพาคุณไปล้วงลึกว่า....>[ จะหา "คีย์เวิร์ด" ยังไงให้หัวข้อบล็อกปัง?ค้นเยอะ คู่แข่งน้อย ทำเงินง่าย และ Google ก็รักด้วย]

ย้อนกลับไปอ่านบทความก่อนหน้านี้ [เริ่มต้นสร้างรายได้จากบล็อก ต้องรู้อะไรบ้าง?]

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น