หลังจากที่เราเลือกเทมเพลต (Template) สำหรับบล็อกของเราได้แล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการตั้งค่าพื้นฐานให้ครบถ้วน เพื่อให้บล็อกของเราใช้งานได้เต็มที่ เหมาะกับการทำ SEO ผมจะยกตัวอย่างจากการตั้งค่า LuMoo Blog ของผมเองให้ดูชัด ๆ ว่าผมตั้งค่ายังไงบ้าง
เข้าเว็บไซต์ www.blogger.com ผ่านแอป Google Chrome หรือ Braveการเข้าใช้งาน Blogger บนมือถือ เราจะใช้เบราว์เซอร์ที่รองรับการทำงานเต็มรูปแบบ เช่น Google Chrome หรือ Brave เพราะสามารถเข้าถึงเมนูการตั้งค่าทั้งหมดได้ง่ายกว่าแอปอื่น ๆ
- 1.เปิดแอป Google Chrome หรือ Brave บนมือถือของคุณ
- 2. เข้าไปที่เว็บไซต์ www.blogger.com
- 3. เมื่อล็อกอินด้วยบัญชี Google แล้ว กดที่ปุ่มสามเหลี่ยมด้านบนฝั่งซ้าย (แถบเมนูหลัก) เพื่อเปิดเมนูทั้งหมด
- 4. เลื่อนลงมาแล้วกดที่ปุ่ม "การตั้งค่า" (Settings) เพื่อเข้าสู่หน้าการตั้งค่าของ Blogger
ขั้นตอนนี้เป็นการเตรียมตัวเพื่อเข้าถึงเมนูการตั้งค่าทั้งหมดที่เราต้องปรับแต่งในบทความนี้ครับ ซึ่งสำคัญมากเพราะมันจะช่วยให้คุณปรับแต่งบล็อกได้อย่างเต็มที่!{codeBox}
1. การตั้งค่าชื่อบล็อก (Title)ตรงนี้แหละครับที่ผมต้องคิดเยอะพอสมควร เพราะชื่อบล็อกคือสิ่งที่คนจะเห็นก่อนเลย เหมือนป้ายหน้าร้านที่บอกว่า “ร้านนี้ขายอะไร?” ฉะนั้นต้องตั้งชื่อให้ชัดเจน สะท้อนเนื้อหาที่เราจะเขียน และใช้คีย์เวิร์ดที่คนค้นหาบ่อย ๆ ด้วย
ตัวอย่างที่ผมใช้ LuMoo Blog - เขียนบล็อก Blogger ด้วยมือถือ ง่าย สนุก ทำเงินได้จริง
ผมตั้งชื่อบล็อกให้มันสื่อสารไปเลยว่าที่นี่คือแหล่งรวมเนื้อหาการสอนเขียนบล็อกด้วยมือถือ และที่สำคัญคือทำให้คนรู้สึกว่ามันไม่ใช่เรื่องยากหรือซับซ้อน สนุกและทำเงินได้จริง!
2. การตั้งค่าคำอธิบาย (Description)
คำอธิบายก็สำคัญเหมือนกัน เพราะมันช่วยให้คนที่เข้ามาเห็นบล็อกของเรารู้ว่ากำลังจะเจออะไร และยังช่วยเรื่อง SEO ด้วยนะครับ
ตัวอย่างที่ผมใช้ LuMoo Blog - สอนทำบล็อกให้ปัง ด้วยมือถือแบบง่าย ๆ พร้อมเคล็ดลับการทำ SEO และสร้างรายได้จาก Google AdSense, Affiliate และเทคนิคการปรับแต่ง Blogger ให้ทำงานได้อย่างมืออาชีพ
เห็นไหมครับ ผมพยายามรวมคีย์เวิร์ดอย่าง “ทำบล็อก”, “มือถือ”, “SEO”, “AdSense” และ “Affiliate” ไว้ในคำอธิบายนี้ เพื่อให้ Google มองเห็นว่าเว็บนี้เกี่ยวกับอะไรและแนะนำให้คนค้นหาเจอได้ง่ายขึ้น
3. การตั้งค่าภาษาของบล็อก (Language Setting)
สำหรับบล็อกของผม แน่นอนว่าเขียนเป็นภาษาไทยก็ต้องตั้งค่าให้เป็น Thai - ไทย เพื่อให้ระบบจัดอันดับการค้นหาแบบ Local ได้แม่นยำขึ้น
4. เปิดการตั้งค่าเนื้อหาสำหรับผู้ใหญ่ (Adult Content)
อันนี้ผมตั้งค่าให้ ปิดไว้ เพราะเนื้อหาของผมเป็นการสอนเขียนบล็อก ไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาสำหรับผู้ใหญ่ การปิดเอาไว้ก็จะช่วยให้คนทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงบล็อกของเราได้อย่างสบายใจ
5. รหัสการวัด Google Analytics (Google Analytics Tracking ID)
อันนี้สำคัญมากครับ! เพราะมันช่วยให้เรารู้ว่ามีคนเข้ามาดูบล็อกเรามากแค่ไหน พวกเขาอ่านบทความไหนมากที่สุด และเข้ามาจากที่ไหนบ้าง ซึ่งข้อมูลพวกนี้จะช่วยให้เราพัฒนาบล็อกได้ดีขึ้นวิธีการตั้งค่า
- 1. เข้าไปที่เว็บไซต์ Google Analytics แล้วสมัครบัญชี
- 2. สร้างโปรเจกต์ใหม่สำหรับบล็อกของเรา
- 3. ก๊อปรหัสการวัด (Tracking ID) ที่ได้มาใส่ในช่องนี้ได้เลย
6. การตั้งค่า Icon Fav (ไอคอน Fav)
Icon Fav หรือ Favicon คือไอคอนเล็ก ๆ ที่แสดงอยู่บนแท็บเบราว์เซอร์เวลามีคนเปิดบล็อกของเรา ตัวอย่างเช่น รูปรถ LUMO ที่ผมออกแบบไว้เองนี้แหละ! วิธีการตั้งค่า Icon Fav ใน Blogger (ตามที่ผมใช้)
- 1. ไปที่หน้า การตั้งค่า (Settings) ในแดชบอร์ด Blogger
- 2. เลื่อนลงมาที่หัวข้อ “ไอคอน Fav”
- 3. กดที่ปุ่ม “เลือกไฟล์” เพื่ออัปโหลดรูปภาพ
- 4. รูปภาพที่ผมใช้นั้นมีขนาดประมาณ 64x64 พิกเซล และไฟล์ไม่เกิน 100 KB เพื่อให้แสดงผลได้คมชัด
- 5. กด “บันทึก” ก็เป็นอันเสร็จ!
ข้อดี รูป Icon Fav ที่ใช้เป็นโลโก้ของตัวเอง ทำให้บล็อกดูมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และจำง่ายขึ้น
นี่คือขั้นตอนการตั้งค่าพื้นฐานของ LuMoo Blog ของผมเองครับ! การตั้งค่าเบื้องต้นนี้ช่วยให้บล็อกของเราพร้อมใช้งานได้อย่างเต็มที่ และยังช่วยให้ติด SEO ง่ายขึ้นด้วย{codeBox}
7. การตั้งค่าส่วนบุคคล (Personal Settings)หลังจากที่เราตั้งค่าเบื้องต้นต่าง ๆ ไปแล้ว ต่อมาก็จะเป็นการตั้งค่าส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการค้นหาและการเข้าถึงบล็อกของเรา ซึ่งสำคัญมากถ้าเราต้องการให้บล็อกของเราถูกค้นหาเจอผ่าน Google หรือเครื่องมือค้นหาอื่น ๆ การตั้งค่าแสดงในเครื่องมือค้นหา (Enable Search Engines Indexing)
ในการตั้งค่านี้ ผมเลือกเปิดใช้งาน “แสดงในเครื่องมือค้นหา” เพื่อให้ Google หรือเครื่องมือค้นหาอื่น ๆ สามารถเข้าถึงบล็อกของเราได้และทำการเก็บข้อมูลลงดัชนี (Index) ซึ่งส่งผลดีต่อการทำ SEO และช่วยให้บล็อกของเราติดอันดับการค้นหาได้ง่ายขึ้น
ทำไมต้องเปิดใช้งาน?
เพราะถ้าเราปิดไว้ บล็อกของเราจะไม่ถูกค้นหาเจอบน Google เลย ต่อให้เราเขียนบทความดีแค่ไหน คนก็จะไม่เจอ! ดังนั้น แนะนำให้เปิดไว้ตลอดครับ
8. การเผยแพร่ (Publishing Settings)
ตรงนี้เราจะมาตั้งค่า URL หรือที่อยู่ของบล็อกกันครับ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับการทำ SEO และการทำให้คนจำเว็บเราได้ง่าย ๆ
ที่อยู่บล็อก (Blog Address) ในกรณีนี้ ผมเลือกใช้ที่อยู่เป็น “lumooblog.blogspot.com” ซึ่งเป็นที่อยู่ฟรีที่ Blogger ให้มา
ทำไมถึงเลือกแบบนี้?
เพราะในช่วงเริ่มต้น ผมยังอยากลองสร้างเนื้อหาไปเรื่อย ๆ และศึกษาการทำ SEO ก่อน จึงใช้ที่อยู่ฟรีของ Blogger แต่ในอนาคตถ้าผมต้องการความเป็นมืออาชีพมากขึ้น ก็อาจจะซื้อโดเมนเนมที่เป็นของตัวเอง (Custom Domain) ได้เลย
9. การตั้งค่าโดเมนที่กำหนดเอง (Custom Domain Settings)
หากคุณต้องการใช้โดเมนเนมที่เป็นของตัวเอง เช่น “www.lumooblog.com” คุณสามารถซื้อโดเมนจากผู้ให้บริการต่าง ๆ เช่น Namecheap, GoDaddy, หรือ z.com (ราคาโดยประมาณ 500 บาทต่อปี) แล้วนำมาเชื่อมต่อกับ Blogger ได้
ข้อดีของการใช้โดเมนที่กำหนดเอง เพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับเว็บไซต์ของเรา สร้างภาพลักษณ์ที่เป็นมืออาชีพ เพิ่มโอกาสในการทำ SEO ที่ดียิ่งขึ้น
ในกรณีนี้ผมยังไม่ได้ใช้โดเมนที่กำหนดเอง แต่ถ้าคุณสนใจสามารถไปตั้งค่าได้ที่เมนูนี้ได้เลยครับ
10. การตั้งค่า HTTPS (Secure HTTPS Settings)
ความปลอดภัยเป็นสิ่งที่สำคัญมากครับ โดยเฉพาะถ้าคุณต้องการให้เว็บไซต์ของคุณดูน่าเชื่อถือ การเปิดใช้งาน HTTPS จะช่วยให้การเชื่อมต่อเว็บไซต์ของคุณปลอดภัยมากขึ้น
การตั้งค่า HTTPS เปิดใช้งานที่เมนู “เปลี่ยนเส้นทาง HTTPS” (ในภาพผมเปิดไว้แล้ว) เมื่อเปิดแล้ว เวลาคนเข้ามาในบล็อกจะเห็นว่าเว็บไซต์มี “แม่กุญแจสีเขียว” ขึ้นอยู่ข้างหน้า URL (ตัวอย่าง https://lumooblog.blogspot.com) ซึ่งหมายความว่าการเชื่อมต่อปลอดภัย
ทำไมต้องเปิดใช้งาน HTTPS?
ช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับเว็บไซต์ของคุณเป็นปัจจัยหนึ่งที่ช่วยให้ Google จัดอันดับเว็บไซต์ของคุณได้ดียิ่งขึ้น ผู้ใช้งานรู้สึกปลอดภัยมากขึ้นเมื่อเข้ามาเยี่ยมชมบล็อก{codeBox}
11. การตั้งค่าสิทธิ์ (Permissions Settings)
การตั้งค่าสิทธิ์ใน Blogger เป็นอีกหนึ่งขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้เราควบคุมการเข้าถึงและการใช้งานบล็อกได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะถ้าเราต้องการเปิดให้คนอื่นเข้ามาเขียนบทความร่วมกัน หรือจำกัดการเข้าถึงของผู้อ่านบางกลุ่ม
11.1การตั้งค่าผู้ดูแลระบบและผู้เขียนบล็อก (Admins & Authors)
ในส่วนนี้ ผมตั้งค่าให้บล็อก LuMoo Blog มีผู้ดูแลระบบเพียงคนเดียวคือ "LuMoo" (ซึ่งก็คือผมเอง) เพื่อให้สามารถควบคุมการเขียน การตั้งค่า และการปรับแต่งทั้งหมดได้อย่างอิสระ
ถ้าในอนาคตคุณต้องการให้คนอื่นเข้ามาร่วมเขียนบทความในบล็อกของคุณ สามารถเพิ่มผู้เขียนใหม่ได้โดยการคลิกที่ “เชิญผู้เขียนรายอื่น” แล้วกรอกอีเมลของผู้ที่คุณต้องการเชิญลงไป
ข้อดีของการเพิ่มผู้เขียน.สามารถสร้างทีมงานเพื่อเขียนบทความหลาย ๆ เรื่องพร้อมกันได้ เพิ่มความหลากหลายให้กับเนื้อหาของบล็อก สามารถแบ่งหน้าที่ระหว่างผู้เขียนและผู้ดูแลระบบได้อย่างชัดเจน
11.2การตั้งค่าสิทธิ์ในการเข้าถึงของผู้อ่าน (Readers Permissions)
สำหรับบล็อก LuMoo Blog ของผม ตอนนี้ผมตั้งค่าให้เป็น “สาธารณะ (Public)” เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้ามาอ่านเนื้อหาได้อย่างอิสระ ไม่จำเป็นต้องใช้รหัสผ่านหรือการอนุมัติใด ๆ
แต่ Blogger ก็ให้ทางเลือกอื่นด้วย เช่น
- “ส่วนตัว (Private)” เฉพาะผู้ที่ได้รับคำเชิญเท่านั้นที่จะเข้ามาอ่านบล็อกได้ เหมาะสำหรับบล็อกที่ใช้เขียนเรื่องส่วนตัว หรือข้อมูลที่ไม่ต้องการให้คนทั่วไปเข้าถึง
- “ผู้อ่านที่กำหนดเอง (Custom Readers)” สามารถเลือกเชิญผู้อ่านเฉพาะรายบุคคล โดยการกรอกอีเมลของผู้ที่ต้องการอนุญาตให้เข้ามาอ่าน
ในภาพด้านบน การตั้งค่าสิทธิ์ในการเข้าถึงของผู้อ่านเป็นแบบ “สาธารณะ (Public)” ซึ่งเหมาะสมมากครับ เพราะบล็อกของผมต้องการให้คนทั่วไปสามารถเข้ามาอ่านบทความได้อย่างง่ายดาย
11.3เชิญผู้เขียนรายอื่น (Invite Authors)
ถ้าคุณต้องการเพิ่มผู้เขียนใหม่ สามารถกดที่ “เชิญผู้เขียนรายอื่น” แล้วกรอกอีเมลของผู้ที่ต้องการเชิญให้ร่วมเขียนได้เลย
ตัวอย่างการใช้งาน ถ้าคุณต้องการให้เพื่อนของคุณช่วยเขียนบทความเกี่ยวกับ SEO หรือการสร้างรายได้จากมือถือ ก็สามารถเพิ่มเขาเป็นผู้เขียนได้ทันที โดยเขาจะสามารถเขียนบทความได้ แต่ไม่สามารถปรับแต่งหรือเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าบล็อกของคุณได้
การตั้งค่าสิทธิ์เหล่านี้ทำให้บล็อกของคุณมีความยืดหยุ่นในการใช้งานมากขึ้น และยังช่วยให้คุณควบคุมการเข้าถึงและการจัดการเนื้อหาได้อย่างมืออาชีพ{codeBox}
12. การตั้งค่าโพสต์ (Post Settings)
เมื่อเราตั้งค่าสิทธิ์และการเข้าถึงเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อมาก็จะเป็นการตั้งค่าเกี่ยวกับโพสต์ในบล็อกของเรา เพื่อให้เนื้อหาที่เราสร้างขึ้นสามารถแสดงผลได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด
12.1 การตั้งค่าจำนวนโพสต์สูงสุดที่แสดงในหน้าหลัก (Maximum Posts Displayed on Main Page)
สำหรับบล็อก LuMoo Blog ของผม ผมตั้งค่าให้แสดงโพสต์ในหน้าแรกสูงสุด 7 โพสต์ เพราะผมต้องการให้ผู้อ่านสามารถเห็นเนื้อหาใหม่ ๆ ได้ง่าย และไม่ต้องเลื่อนหน้าจอนานเกินไป แต่ถ้าในอนาคตบล็อกมีบทความเยอะขึ้น อาจปรับลดลงให้เหลือ 5 โพสต์ เพื่อให้หน้าเว็บโหลดเร็วขึ้นก็ได้
12.2 การตั้งค่าไลท์บ็อกซ์รูปภาพ (Image Lightbox)
ผมเปิดใช้งาน “ไลท์บ็อกซ์รูปภาพ” เพื่อให้ภาพที่แทรกในบทความสามารถคลิกขยายดูได้ใหญ่ขึ้น ซึ่งการตั้งค่านี้ช่วยให้ผู้อ่านสามารถดูรายละเอียดของรูปภาพได้ชัดเจนยิ่งขึ้น โดยเฉพาะถ้าภาพนั้นเป็นตัวอย่างหรือขั้นตอนการใช้งานต่าง ๆ ที่ต้องดูรายละเอียดให้ครบถ้วน
ข้อดีของการเปิดใช้งานไลท์บ็อกซ์ ทำให้ประสบการณ์การดูรูปภาพของผู้อ่านดีขึ้น ลดโอกาสที่ผู้อ่านจะเลื่อนผ่านรูปภาพไปโดยไม่ได้สังเกต
12.3 การตั้งค่ารูปภาพการโหลดแบบ Lazy Loading (Lazy Loading Images)
ในส่วนนี้ผม ปิดการใช้งาน Lazy Loading เนื่องจากผมต้องการให้รูปภาพทั้งหมดในบทความโหลดพร้อมกันเมื่อเปิดหน้าเว็บขึ้นมา เพราะบล็อก LuMoo Blog ของผมมีเนื้อหาที่ยาวและละเอียด การโหลดรูปภาพพร้อมกันจะช่วยให้ผู้อ่านสามารถเลื่อนอ่านได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่ต้องรอโหลดรูปภาพทีละส่วน
แต่… ถ้าบล็อกของคุณมีรูปภาพเยอะมาก (เช่น บล็อกท่องเที่ยวหรือรีวิวภาพ) การเปิดใช้งาน Lazy Loading จะช่วยให้หน้าเว็บโหลดเร็วขึ้น เพราะมันจะโหลดรูปภาพเมื่อผู้ใช้งานเลื่อนหน้ามาถึงตำแหน่งนั้นเท่านั้น
12.4 การตั้งค่าการแสดงรูปภาพ WebP (WebP Image Display)
ผมเลือกเปิดใช้งานการแสดงรูปภาพแบบ WebPเพราะ WebP เป็นฟอร์แมตภาพที่ช่วยให้ไฟล์ภาพมีขนาดเล็กลง แต่ยังคงความคมชัดอยู่ ซึ่งช่วยให้เว็บไซต์โหลดได้เร็วขึ้นโดยไม่ต้องลดคุณภาพของรูปภาพ ข้อดีของการใช้ WebP ช่วยลดขนาดไฟล์ภาพได้ถึง 30%-80% เมื่อเทียบกับ JPEG หรือ PNGเพิ่มความเร็วในการโหลดหน้าเว็บ
Google ให้ความสำคัญกับเว็บที่มีความเร็วในการโหลดที่ดี ทำให้ SEO ของเราดีขึ้นด้วย การตั้งค่าโพสต์ทั้งหมดนี้มีผลต่อความเร็วในการโหลดหน้าเว็บ และประสบการณ์ของผู้อ่านเป็นอย่างมาก การเลือกตั้งค่าให้เหมาะสมกับเนื้อหาที่เราทำจะช่วยให้บล็อกของเราดูเป็นมืออาชีพยิ่งขึ้น{codeBox}
13. การตั้งค่าความคิดเห็น (Comments Settings)
การตั้งค่าความคิดเห็นใน Blogger มีความสำคัญมาก เพราะมันช่วยให้เราสื่อสารกับผู้อ่านได้โดยตรง และยังสร้างความรู้สึกว่าบล็อกของเรามีการตอบโต้ ไม่ใช่แค่เขียนแล้วปล่อยทิ้งไว้
13.1 การตั้งค่าตำแหน่งความคิดเห็น (Comment Location)
สำหรับบล็อก LuMoo Blog ของผม ผมตั้งค่าให้ตำแหน่งความคิดเห็นเป็น “ฝัง (Embedded)”ซึ่งหมายความว่าช่องคอมเมนต์จะปรากฏอยู่ใต้บทความโดยตรง ทำให้ผู้อ่านสามารถแสดงความคิดเห็นได้ทันทีหลังจากอ่านบทความเสร็จ
13.2 การตั้งค่าสิทธิ์ผู้ที่สามารถแสดงความคิดเห็น (Who Can Comment)
ผมตั้งค่าให้ เฉพาะผู้ที่มีบัญชี Google เท่านั้น ที่สามารถแสดงความคิดเห็นได้ เหตุผลที่ผมตั้งค่าแบบนี้
- เพื่อป้องกันสแปมจากผู้ใช้งานที่ไม่ประสงค์ดีหรือบอท (Bot)
- ช่วยให้เรารู้ตัวตนของผู้แสดงความคิดเห็นได้ง่ายขึ้น
- เพิ่มความปลอดภัยให้กับบล็อก โดยลดความเสี่ยงจากคอมเมนต์ที่ไม่เหมาะสม
13.3 การตรวจสอบความคิดเห็น (Comment Moderation)
ผมตั้งค่าให้เป็น “ไม่ใช้เลย (No Moderation)” ซึ่งหมายความว่าทุกความคิดเห็นที่ส่งเข้ามาจะถูกแสดงผลทันทีโดยไม่ต้องรอการอนุมัติจากผม
แต่… Blogger ยังให้ทางเลือกอื่น ๆ ที่คุณสามารถเลือกได้ เช่น
“เสมอ (Always)” ทุกความคิดเห็นต้องได้รับการอนุมัติก่อนถึงจะแสดงผลได้ เหมาะสำหรับบล็อกที่ต้องการควบคุมเนื้อหาอย่างละเอียด
“เฉพาะโพสต์ที่เก่ากว่า (Only On Posts Older Than)” สามารถตั้งค่าให้คอมเมนต์ที่โพสต์ในบทความที่เก่ากว่าช่วงเวลาที่กำหนด (เช่น 14 วัน) ต้องได้รับการตรวจสอบก่อน
ในกรณีนี้ผมเลือกแบบ “ไม่ใช้เลย” เพราะต้องการให้บล็อกของผมมีการสนทนากับผู้อ่านได้ทันที โดยไม่ต้องรอการอนุมัติ ซึ่งช่วยให้บล็อกดูมีชีวิตชีวามากขึ้น
13.4 การตั้งค่า CAPTCHA สำหรับความคิดเห็น (Comment CAPTCHA)
ผมปิดการใช้งาน CAPTCHA สำหรับความคิดเห็น เพราะต้องการให้ผู้อ่านสามารถแสดงความคิดเห็นได้ง่ายและรวดเร็ว โดยไม่ต้องผ่านการยืนยันที่ซับซ้อน
แต่ถ้าในอนาคตผมเจอปัญหาสแปม ก็สามารถกลับมาเปิดใช้งานได้ง่าย ๆ ในเมนูนี้
13.5 การตั้งค่าข้อความของแบบฟอร์มความคิดเห็น (Comment Form Message)
ส่วนนี้เป็นการตั้งค่าข้อความที่จะแสดงใต้ช่องคอมเมนต์ เช่น คำแนะนำหรือข้อความต้อนรับให้ผู้อ่านรู้สึกสบายใจเมื่อจะคอมเมนต์
ตัวอย่างที่ผมใช้ “คอมเมนต์ได้เต็มที่เลยนะครับ คำถามหรือคำแนะนำใด ๆ ยินดีรับฟังเสมอ! :)”
การเพิ่มข้อความนี้ช่วยให้ผู้อ่านรู้สึกว่าเราพร้อมรับฟังความคิดเห็น และสนับสนุนให้พวกเขาแสดงความคิดเห็นได้อย่างเต็มที่
การตั้งค่าความคิดเห็นนี้มีผลอย่างมากต่อประสบการณ์ของผู้อ่าน ถ้าเราตั้งค่าให้พวกเขาคอมเมนต์ได้ง่าย ก็จะช่วยให้เกิดการโต้ตอบ และทำให้บล็อกของเรามีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น{codeBox}
14. การตั้งค่าอีเมล (Email Settings)
การตั้งค่าอีเมลใน Blogger มีประโยชน์มากครับ โดยเฉพาะถ้าคุณต้องการให้ผู้อ่านติดตามเนื้อหาใหม่ ๆ หรือให้ระบบแจ้งเตือนเมื่อมีความคิดเห็นใหม่เข้ามา เพื่อให้เราสามารถโต้ตอบผู้อ่านได้อย่างรวดเร็ว
14.1การตั้งค่าโพสต์ผ่านอีเมล (Post via Email)
ในส่วนนี้ผมตั้งค่าไว้ที่ “ปิดอยู่” ซึ่งหมายความว่าผมไม่ได้ใช้งานฟีเจอร์นี้ในตอนนี้ แต่ถ้าคุณต้องการโพสต์บทความผ่านอีเมล สามารถทำได้ดังนี้
- 1. เปิดใช้งานฟีเจอร์นี้ใน Blogger
- 2. กำหนดที่อยู่อีเมลลับที่ใช้ในการโพสต์ (เช่น username.secretword@blogger.com)
- 3. เมื่อคุณส่งอีเมลไปที่ที่อยู่นี้ เนื้อหาจะถูกโพสต์ลงบล็อกโดยอัตโนมัติ
ประโยชน์ ใช้โพสต์บทความได้แม้ไม่ได้เข้าผ่านหน้าเว็บ Blogger สะดวกสำหรับการโพสต์เนื้อหาด่วน
14.2 การตั้งค่าผู้ติดตามการแจ้งเตือนโพสต์ (Post Notification Subscribers)
ในกรณีนี้ผมยังไม่ได้ตั้งค่าผู้ติดตามการแจ้งเตือนโพสต์ ซึ่งหมายความว่าไม่มีผู้อ่านที่ได้รับการแจ้งเตือนเมื่อมีโพสต์ใหม่เกิดขึ้น แต่ถ้าคุณต้องการให้ผู้อ่านได้รับการแจ้งเตือนเมื่อมีบทความใหม่ สามารถทำได้ดังนี้
- 1. เพิ่มอีเมลของผู้อ่านที่ต้องการให้ได้รับการแจ้งเตือนในส่วนนี้
- 2. เมื่อคุณโพสต์บทความใหม่ ผู้อ่านที่ได้รับคำเชิญจะได้รับการแจ้งเตือนทางอีเมล
14.3 การเชิญผู้อื่นให้ติดตามการแจ้งเตือนโพสต์ (Invite Others to Subscribe)
ในกรณีนี้ผมยังไม่ได้เชิญใครให้ติดตามการแจ้งเตือนโพสต์ แต่ถ้าคุณต้องการให้คนอื่นติดตามบล็อกของคุณ คุณสามารถเชิญพวกเขาได้โดยส่งคำเชิญผ่านอีเมล
การตั้งค่าผู้ติดตามการแจ้งเตือนเมื่อมีความคิดเห็นใหม่ (Comment Notification Subscribers)
ผมตั้งค่าให้มีการส่งการแจ้งเตือนเมื่อมีความคิดเห็นใหม่เข้ามาที่อีเมลของผม (lumoopat.ben@gmail.com) การตั้งค่านี้มีประโยชน์มาก เพราะทำให้ผมสามารถรู้ได้ทันทีเมื่อมีคนคอมเมนต์ และสามารถตอบกลับพวกเขาได้อย่างรวดเร็ว
วิธีการตั้งค่า
- 1. ใส่อีเมลที่ต้องการรับการแจ้งเตือนในช่องนี้
- 2. ทุกครั้งที่มีคนคอมเมนต์ใหม่ ระบบจะส่งอีเมลแจ้งเตือนให้เราทราบ
การเชิญผู้อื่นให้ติดตามการแจ้งเตือนความคิดเห็นใหม่ (Invite Others to Subscribe to Comments)
ผมยังไม่ได้เชิญใครให้ติดตามการแจ้งเตือนความคิดเห็นใหม่ แต่ถ้าคุณต้องการให้คนอื่นติดตามความคิดเห็นใหม่ได้ ก็สามารถเชิญพวกเขาโดยการเพิ่มอีเมลลงในส่วนนี้
ประโยชน์
- เพิ่มการโต้ตอบกับผู้อ่านได้รวดเร็วขึ้น
- สร้างความรู้สึกว่าบล็อกของเรามีชีวิตชีวา และมีการตอบสนองจากผู้เขียน
การตั้งค่าอีเมลใน Blogger นี้ช่วยให้คุณสามารถจัดการการสื่อสารกับผู้อ่านได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังช่วยให้คุณสามารถรู้ความเคลื่อนไหวของบล็อกได้ตลอดเวลา{codeBox}
15. การตั้งค่าการจัดรูปแบบ (Formatting Settings)
การตั้งค่าการจัดรูปแบบใน Blogger เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เนื้อหาของเราดูเป็นระเบียบ และแสดงผลได้อย่างถูกต้องตามที่เราต้องการ โดยเฉพาะเมื่อมีการแสดงวันที่หรือเวลาในโพสต์ต่าง ๆ
15.1 การตั้งค่าเขตเวลา (Time Zone Setting)
สำหรับบล็อก LuMoo Blog ของผม ผมตั้งค่าเขตเวลาไว้ที่ (GMT-07:00) เวลาแปซิฟิกในอเมริกาเหนือ – ลอสแอนเจลิส
เหตุผลที่เลือกเขตเวลานี้ เป็นเขตเวลามาตรฐานที่ Blogger ตั้งค่าให้โดยอัตโนมัติ แต่ถ้าเราต้องการให้บล็อกแสดงผลตามเวลาของประเทศไทย สามารถเปลี่ยนไปที่(GMT+07:00) เวลาอินโดจีน – กรุงเทพ ได้ เพื่อให้การแสดงผลเวลาในโพสต์เป็นไปตามเวลาจริงที่เราใช้งาน
แนะนำ สำหรับผู้ที่เขียนบล็อกเป็นภาษาไทยและต้องการให้เวลาแสดงผลเป็นเวลาประเทศไทย ควรตั้งค่าเป็น (GMT+07:00) เวลาอินโดจีน – กรุงเทพ
15.2 การตั้งค่ารูปแบบส่วนหัวของวันที่ (Date Header Format)
ในส่วนนี้ผมตั้งค่าให้แสดงเป็นรูปแบบ
“Sunday, March 30, 2025”
ทำไมถึงเลือกแบบนี้?
เพื่อให้ผู้อ่านเห็นวันที่โพสต์ได้ชัดเจน รูปแบบนี้อ่านง่าย และเป็นมาตรฐานที่ผู้ใช้งานส่วนใหญ่คุ้นเคย
ตัวเลือกอื่น ๆ ที่ Blogger มีให้
- รูปแบบย่อ (เช่น 03/30/2025)
- รูปแบบยาว (เช่น March 30, 2025)
- รูปแบบเต็ม (เช่น วันอาทิตย์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2568)
15.3 การตั้งค่ารูปแบบวันที่ของดัชนีคลังบทความ (Archive Index Date Format)
ในส่วนนี้ผมตั้งค่าให้แสดงเป็น “March 2025”ซึ่งเป็นรูปแบบที่ง่ายต่อการจัดเก็บและค้นหาโพสต์ย้อนหลัง โดยเฉพาะถ้าเราต้องการให้บล็อกแสดงผลบทความแบบจัดหมวดหมู่ตามเดือนและปี
15.4 การตั้งค่ารูปแบบการประทับเวลา (Timestamp Format)
ในส่วนนี้ผมตั้งค่าให้แสดงเป็น“March 30, 2025” เพื่อให้วันที่แสดงในโพสต์ดูเรียบง่าย และอ่านเข้าใจได้ทันที โดยไม่ซับซ้อนเกินไป
15.5 การตั้งค่ารูปแบบการประทับเวลาของความคิดเห็น (Comment Timestamp Format)
ในส่วนนี้ผมตั้งค่าให้แสดงเป็น “March 30, 2025 เวลา 10:58 AM” ซึ่งแสดงทั้งวันที่และเวลาอย่างละเอียด เหมาะสำหรับการติดตามความคิดเห็นและตอบกลับผู้อ่านอย่างทันท่วงที
การตั้งค่าการจัดรูปแบบเหล่านี้ช่วยให้บล็อกของเรามีความเป็นระเบียบ และสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้อ่าน การตั้งค่าที่ถูกต้องและเหมาะสมจะช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจเนื้อหาได้ง่ายขึ้น และยังช่วยเรื่องการจัดเก็บเนื้อหาให้ค้นหาได้ง่ายขึ้นด้วย
ก็จบไปแล้วสำหรับการตั้งค่าพื้นฐานของ Blogger ที่ผมใช้กับ LuMoo Blog บอกเลยว่าถ้าตั้งค่าครบตามนี้ บล็อกคุณก็พร้อมใช้งานได้แบบไม่มีปัญหาแล้ว!
แต่เดี๋ยวก่อนนะครับ... ถ้าคิดว่าจบแค่นี้แล้วพอ บอกเลยว่ายังไม่พอ เพราะจริง ๆ แล้วเรายังต้องตั้งค่าเรื่อง SEO กันอีกนิดหน่อย เพื่อให้บล็อกของเราถูกค้นหาเจอได้ง่ายขึ้นจาก Google{codeBox}
บทความต่อไป [ผมจะพาไปตั้งค่า SEO บนแฟลตฟอร์ม blogger] เบื้องต้น ที่ทำได้ง่าย ๆ ไม่ซับซ้อนเลยครับ มีตั้งแต่การใส่ Meta Tags, การตั้งค่า Robot.txt และการทำ Sitemap ให้ Google จัดการเนื้อหาเราได้สะดวกขึ้น
ไม่ต้องกังวลว่าจะยุ่งยาก เพราะผมจะพยายามอธิบายให้เข้าใจง่ายที่สุดเหมือนเดิม อ่านแล้วทำตามได้แน่นอนครับ! รอติดตามได้เลย!
ย้อนกลับไปอ่านบทความก่อนหน้านี้ [วิธีสร้างบล็อก Blogger ด้วยมือถือแบบ Step-by-step ทำเองได้ใน 10 นาที]
0 ความคิดเห็น