จากแค่โพสต์...ถึงเพจที่สร้างความน่าเชื่อถือให้กับบล็อกของคุณ
ก่อนหน้านี้เราได้เรียนรู้กันไปแล้วว่า การโพสต์บทความใน Blogger ไม่ได้ยากอย่างที่คิด แค่มีมือถือสักเครื่องกับอินเทอร์เน็ตดี ๆ หน่อย คุณก็สามารถสร้างคอนเทนต์ออกมาให้โลกเห็นได้แล้ว แต่รู้ไหมครับ? แค่บทความดี ๆ อย่างเดียว ยังไม่พอ ถ้าคุณคิดจะ “ยื่นสมัคร AdSense” หรืออยากให้บล็อกของคุณดูมีตัวตนแบบ “เว็บไซต์ที่จริงจัง”
การสร้าง "หน้าเพจหรือหน้าเว็บ" จึงเป็นอีกหนึ่งเรื่องสำคัญที่มือใหม่หลายคนมักมองข้ามไป
หลายคนอาจยังไม่รู้ว่า Blogger ไม่ได้มีแค่ "โพสต์" สำหรับลงบทความเท่านั้น แต่ยังมีอีกสิ่งที่เรียกว่า หน้าเพจ (Pages) ซึ่งเป็นพื้นที่สำหรับวางข้อมูลพื้นฐานที่ไม่เปลี่ยนแปลงบ่อย ๆ เช่น
- หน้าเกี่ยวกับเรา
- หน้าติดต่อเรา
- หน้ารวมหมวดหมู่บทความ
- หน้านโยบายความเป็นส่วนตัว
- หรือแม้แต่หน้าข้อกำหนดการใช้งาน
เพจเหล่านี้จะ ไม่แสดงอยู่ในฟีดของบทความ เหมือนโพสต์ทั่วไป แต่จะอยู่ในตำแหน่งที่คุณสามารถเลือกวางให้โดดเด่น เช่น บนเมนูเว็บไซต์ หรือด้านล่างของหน้าเว็บ ทำให้มันกลายเป็น "จุดแสดงความน่าเชื่อถือ" และช่วยให้บล็อกของคุณดูมีโครงสร้างที่เป็นมืออาชีพยิ่งขึ้น
1. หน้าเพจที่ควรมีใน Blogger มีอะไรบ้าง? (และแต่ละหน้าทำไมถึงสำคัญ)
ลองจินตนาการดูครับว่า... คุณเดินเข้าร้านหนึ่งที่ดูหรูหรา มีสินค้าเรียงรายเต็มชั้น แต่กลับไม่มีป้ายหน้าร้าน ไม่มีข้อมูลว่าร้านนี้ขายอะไร ใครเป็นเจ้าของ ติดต่อยังไง หรือรับคืนสินค้ารึเปล่า?
บล็อกของคุณก็เช่นเดียวกันครับ
ไม่ว่าจะทำบล็อกเพื่อหาเงิน หรือเขียนเพื่อแชร์ประสบการณ์ การมีหน้าเพจที่ชัดเจน จะช่วยให้ผู้อ่านรู้สึก "ไว้ใจ" และเข้าใจว่าคุณคือใคร กำลังทำอะไร และมีตัวตนจริง ๆ หรือไม่ ที่สำคัญ Google AdSense ก็ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ด้วย ถ้าคุณไม่มีหน้าเพจพื้นฐานที่ควรมี บางทีสมัครไปก็ไม่ผ่านแบบงง ๆ เลยครับ
หน้าเพจสำคัญที่ควรสร้าง มีอะไรบ้าง?
1.1 หน้าเกี่ยวกับเรา (About Us)
นี่คือหน้าที่บอกเล่าตัวตนของคุณ ว่าคุณคือใคร ทำไมถึงเริ่มเขียนบล็อกนี้ จุดประสงค์ของบล็อกคืออะไร และคุณอยากแบ่งปันอะไรให้คนอ่านรู้
สำหรับ AdSense แล้ว หน้านี้คือหลักฐานว่า "คุณมีตัวตน" จริง ไม่ใช่แค่คัดลอกเนื้อหามาลงเฉย ๆ
- สำหรับผู้อ่าน หน้านี้คือ "การเปิดใจ" ให้รู้จักคุณมากขึ้น ถ้าเขาชอบตัวตนของคุณ เขาจะกลับมาอ่านซ้ำแน่นอน
- เคล็ดลับเล็ก ๆ เขียนแบบเล่าเรื่อง ไม่ต้องเป็นทางการมาก แต่ให้แฝงความตั้งใจจริง
1.2 หน้าติดต่อเรา (Contact Us)
หน้านี้คือช่องทางที่ให้ผู้อ่านหรือลูกค้าติดต่อคุณได้ เช่น อีเมล ฟอร์มติดต่อ หรือไลน์ ถ้าคุณคิดจะหารายได้จากการรีวิวสินค้าหรือ Affiliate หน้านี้จำเป็นมาก เพราะบางทีเจ้าของแบรนด์อาจอยากติดต่อมาลงโฆษณาหรือเสนอโปรโมชันให้คุณรีวิวก็ได้
สำหรับ AdSense แล้ว การมีช่องทางติดต่อชัดเจน ช่วยเสริมความน่าเชื่อถือ
สำหรับผู้อ่าน เขารู้ว่าเขาสามารถพูดคุยกับเจ้าของบล็อกได้จริง ๆ
แนะนำ ใช้ Gmail เป็นหลัก หรือจะใช้ Google Forms สำหรับฟอร์มติดต่อก็สะดวกมากครับ
1.3 หน้านโยบายความเป็นส่วนตัว (Privacy Policy)
หน้าเพจที่สำคัญที่สุดสำหรับการยื่น Google AdSense เพราะมันแสดงให้เห็นว่าคุณปฏิบัติตามกฎหมายเรื่องการคุ้มครองข้อมูลผู้ใช้
บอกว่าบล็อกมีการใช้คุกกี้หรือไม่
ใช้ข้อมูลผู้เข้าชมยังไง (เช่น Google Analytics หรือการเก็บสถิติ)
มีลิงก์ไปยังบริการของ Google เช่น AdSense หรือบริการอื่น ๆ
เคล็ดลับ ใช้เครื่องมือสร้าง Privacy Policy ฟรี แล้วนำมาแปะลงหน้าเพจ เช่น privacygenerator.net
1.4 หน้าข้อกำหนดการใช้งาน (Terms and Conditions)
ไม่จำเป็นต้องมีก็ได้ถ้าบล็อกคุณเป็นแนวแชร์ประสบการณ์ทั่วไป แต่ถ้าคุณขายสินค้า หรือมีลิงก์ Affiliate หน้านี้จะช่วยระบุเงื่อนไขให้ชัดเจน เช่น:
- ผู้อ่านต้องยอมรับอะไรเมื่อใช้เว็บไซต์นี้
- คุณไม่รับผิดชอบในกรณีอะไรบ้าง
- ลิงก์หรือข้อมูลในเว็บไซต์อาจเปลี่ยนแปลงโดยไม่ต้องแจ้งล่วงหน้า
- ช่วยกันลดปัญหาดราม่าภายหลัง และทำให้บล็อกดูเป็นมืออาชีพมากขึ้น
1.5 หน้ารวมบทความ/หมวดหมู่ (Index / Sitemap / Category Page)
เหมาะมากสำหรับคนที่เขียนบทความเยอะ ๆ เช่น "รวบรวมทุกบทความเกี่ยวกับมือถือ" หรือ "รวมรีวิวสินค้าเด็ด" คุณสามารถสร้างเพจแบบนี้แล้วทำเป็นลิงก์ภายในไปยังบทความต่าง ๆ ได้ หรือจะฝังโค้ด HTML ให้โชว์โพสต์อัตโนมัติแบบสวย ๆ ก็ได้เช่นกัน (ไว้ผมจะแนะนำเทคนิคนี้ในหัวข้อถัดไปครับ)
สรุปหัวข้อนี้แบบง่าย ๆ การสร้างหน้าเพจไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ เพราะมันคือ "ฐานราก" ของความน่าเชื่อถือทั้งหมดของบล็อกคุณ ทั้งในสายตาของผู้อ่าน และของ Google AdSense ถ้าบล็อกของคุณมีแค่บทความ แต่ไม่มีข้อมูลพื้นฐานเหล่านี้ Google ก็อาจมองว่า “คุณเป็นใครก็ไม่รู้” และไม่ให้ผ่านการอนุมัติ
2. วิธีสร้างหน้าเพจใน Blogger ผ่านมือถือ (ผ่านเบราว์เซอร์เท่านั้น)
หลังจากที่เรารู้แล้วว่าหน้าเพจมีความสำคัญแค่ไหน คราวนี้เราจะมาลงมือทำกันจริง ๆ ครับ แต่ก่อนอื่น ผมขอบอกไว้ก่อนตรงนี้เลยว่า…
แอป Blogger ใช้สร้าง “โพสต์” ได้อย่างเดียว! ถ้าใครยังคิดว่าจะสร้างหน้าเพจผ่านแอป ขอให้ลืมไปได้เลยครับ เพราะฟังก์ชัน “Pages” ไม่มีในแอป ต้องใช้ “เว็บเบราว์เซอร์” เท่านั้น
ซึ่งแนะนำอย่างแรงว่าใช้ Google Chrome หรือ Brave บนมือถือ เพราะระบบจะโหลด Blogger เวอร์ชันเดียวกับบนคอมพิวเตอร์มาให้เลย เราจะได้เข้าถึงเมนูทั้งหมดได้ครบถ้วน ไม่ต้องง้อโน้ตบุ๊กเลยครับ
ขั้นตอนการสร้างหน้าเพจใหม่ใน Blogger ผ่านมือถือ (แบบ Step-by-Step)
ขั้นที่ 1: เปิดเบราว์เซอร์แล้วเข้า Blogger.com
- เปิด Google Chrome หรือ Brave บนมือถือ
- ไปที่ www.blogger.com แล้วเข้าสู่ระบบด้วย Gmail ที่ใช้สร้างบล็อกของคุณ
ถ้ายังไม่เคยเข้าสู่ระบบมาก่อน ระบบจะถามให้คุณเลือกบัญชี Google ให้เลือกอีเมลที่ผูกกับบล็อกของคุณครับ
ขั้นที่ 2: เข้า Dashboard แล้วเลือก “หน้าเว็บ (Pages)”
- เมื่อเข้าสู่หน้า Dashboard แล้ว ให้กดเมนูซ้ายมือ (มุมบนซ้ายจะมีปุ่ม 3 ขีด)
- เลื่อนลงมาจนเจอคำว่า “หน้าเว็บ (Pages)” แล้วกดเข้าไป
หน้านี้จะรวบรวมหน้าเพจทั้งหมดที่คุณเคยสร้างไว้ ถ้าเป็นบล็อกใหม่จะยังว่างเปล่าอยู่ครับ
ขั้นที่ 3: กดปุ่ม “หน้าใหม่ (New Page)”
- กดปุ่ม + หน้าใหม่ ที่อยู่ตรงกลางหรือมุมขวาล่างของหน้าจอ
- จะเข้าสู่หน้าสร้างหน้าเพจใหม่ ซึ่งมีโครงสร้างคล้ายกับตอนเราเขียนโพสต์เลยครับ
- ช่องบน: ใส่ชื่อหน้าเพจ
- ช่องใหญ่ด้านล่าง: ใส่เนื้อหา
เทคนิคสำคัญ: ตั้งชื่อหน้าเพจเป็น “ภาษาอังกฤษ” ก่อน เพื่อกำหนด URL เองได้
Blogger จะสร้าง URL ของหน้าเพจตาม "ชื่อภาษาอังกฤษ" ที่เราตั้งไว้ในตอนแรกเท่านั้น ถ้าเราตั้งชื่อเป็นภาษาไทยตั้งแต่แรก ระบบจะสุ่มรหัสท้าย URL เช่น page.html ซึ่งไม่สื่ออะไรเลย
ตัวอย่าง:
- ถ้าคุณตั้งชื่อหน้าเพจว่า about-me → URL จะกลายเป็น: https://yourblog.blogspot.com/p/about-me.html
- ถ้าคุณตั้งชื่อหน้าเพจว่า เกี่ยวกับเรา → URL จะกลายเป็น: https://yourblog.blogspot.com/p/blog-page_12.html ← แบบนี้ไม่ดีเลยครับ
วิธีแก้:
- ให้คุณตั้งชื่อเป็นภาษาอังกฤษที่ต้องการก่อน เช่น contact, privacy-policy, about
- จากนั้นกด “เผยแพร่ (Publish)”
- แล้วค่อยกลับมาแก้ชื่อหน้าเพจเป็นภาษาไทยภายหลัง เช่น ติดต่อเรา, นโยบายความเป็นส่วนตัว, เกี่ยวกับเรา ได้เลย
URL จะยังคงเป็นแบบภาษาอังกฤษอยู่ ซึ่งเหมาะกับ SEO มากกว่าครับ
ขั้นที่ 4: เขียนเนื้อหาลงในหน้าเพจ
- เขียนให้กระชับ ชัดเจน ใช้ภาษาเข้าใจง่าย และควรใส่คีย์เวิร์ดไว้เล็กน้อย
- สามารถใส่ลิงก์, รูปภาพ, รายการ Bullet, หรือแม้แต่โค้ด HTML ได้
ตัวอย่างหน้าเพจ “เกี่ยวกับเรา”:
- ผมคือใคร
- ทำบล็อกนี้เพื่ออะไร
- มีเป้าหมายยังไง
- เขียนเนื้อหาเองหรือเปล่า?
- ถ้าคนอ่านอยากติดต่อสามารถทำได้ไหม?
เขียนให้จริงใจ เหมือนบอกเล่าเรื่องราวของคุณให้เพื่อนฟังครับ แบบนี้ Google รัก คนอ่านก็เชื่อใจ
ขั้นที่ 5: เผยแพร่ (Publish) และตรวจสอบหน้าเพจ
- เมื่อเขียนเนื้อหาเสร็จแล้ว ให้กด “เผยแพร่ (Publish)” ที่มุมขวาบน
- Blogger จะยืนยันว่าคุณต้องการเผยแพร่หน้าเพจนี้ไหม — กด “ยืนยัน” ไปเลยครับ
หลังจากเผยแพร่เสร็จ จะเห็นว่า URL ถูกสร้างขึ้นมาแล้ว ลองกดดูหน้าเพจของคุณว่าแสดงผลได้สมบูรณ์หรือไม่
ถ้ายังไม่พอใจ คุณสามารถกลับมาแก้ไขได้ตลอดเวลา
ขั้นที่ 6: ใส่หน้าเพจลงในเมนูเว็บไซต์ (Navigation Menu)
นี่คือส่วนที่มือใหม่หลายคนมักข้าม แต่เป็นสิ่งที่ช่วยให้บล็อกของคุณดูเป็น "เว็บไซต์มืออาชีพ" ทันทีครับ
วิธีเพิ่มหน้าเพจลงเมนูด้านบน:
- ไปที่เมนู “ออกแบบ (Layout)”
- มองหากล่องที่ชื่อว่า “รายการหน้าเว็บด้านบน (Pages)” หรือ “Main Menu” แล้วกด “แก้ไข (Edit)”
- ระบบจะขึ้นหน้าต่างให้คุณเลือก “หน้าเพจ” ที่ต้องการแสดง ° ติ๊กเลือกหน้าเพจที่คุณเพิ่งสร้าง เช่น “เกี่ยวกับเรา”, “ติดต่อเรา”, “Privacy Policy”
- จัดลำดับการแสดงผลได้ด้วยการลาก
- กด “บันทึก (Save)”
- กลับมาที่หน้าเว็บ แล้วกด “ดูบล็อก” จะเห็นว่าเมนูด้านบนมีหน้าเพจเพิ่มขึ้นเรียบร้อยแล้ว
เคล็ดลับเพิ่มเติม:
- ถ้าคุณยังไม่มี Gadget “หน้าเพจ” ใน Layout เลย สามารถเพิ่มเองได้ง่าย ๆ
- ไปที่ Layout > กด “เพิ่ม Gadget” > เลือก “หน้าเว็บ (Pages)”
- จากนั้นทำตามขั้นตอนข้างต้นได้เลย
- หน้าเพจเหล่านี้สามารถแสดงทั้งบนเมนูด้านบน (Header) และด้านล่าง (Footer) แล้วแต่ธีมที่คุณใช้
3. การจัดเมนูเว็บไซต์ให้ดูเป็นมืออาชีพ (Navigation Menu Setup)
3.1 เมนูด้านบนมีประโยชน์อย่างไร? ทำไม Google และคนอ่านถึงให้ความสำคัญ
ถ้าคุณอยากให้บล็อกผ่าน Google AdSense ง่ายขึ้น ถ้าคุณอยากให้ผู้อ่านเจอข้อมูลครบ จบในคลิกเดียว ถ้าคุณอยากให้เว็บไซต์ดู "เรียบร้อย มีระบบ"เมนูเว็บไซต์คือคำตอบครับ
- ช่วยให้ Google เข้าใจโครงสร้างเว็บไซต์ของคุณได้ง่ายขึ้น → ส่งผลดีต่อ SEO
- ทำให้ผู้อ่านเข้าถึงข้อมูลที่ต้องการได้ไวขึ้น → ลด Bounce Rate
- ช่วยรวมเพจสำคัญ (เช่น About, Contact, Policy) ไว้ในจุดที่มองเห็นได้ชัดเจน
- ทำให้บล็อกของคุณดูน่าเชื่อถือและเป็นมืออาชีพ
- รองรับการแสดงผลในมือถืออย่างสวยงาม หากธีมที่ใช้เป็น Responsive Design
3.2 การเพิ่มเมนูหน้าเพจแบบง่าย ๆ ผ่าน Layout
ขั้นตอนที่ 1: เข้าหน้า Layout ในเบราว์เซอร์มือถือ
- เปิด Chrome หรือ Brave แล้วไปที่ Blogger ออกแบบ Layout (เค้าโครง)
- มองหากล่องที่ชื่อว่า “รายการหน้าเว็บบ้านบอล (Pages)” หรือบางธีมอาจใช้ชื่อว่า “เมนู” หรือ “Main Menu”
ขั้นตอนที่ 2: กด "แก้ไข (Edit)" เมนูหน้าเพจ
- เมื่อกด “แก้ไข” จะมีหน้าต่างเด้งขึ้นมา
- คุณจะเห็นรายชื่อเพจที่สร้างไว้ทั้งหมด เช่น
- เกี่ยวกับเรา
- ติดต่อเรา
- Privacy Policy
- Sitemap หรือรวมบทความ
ขั้นตอนที่ 3: ติ๊กเลือกหน้าเพจที่ต้องการแสดงบนเมนู
- สามารถจัดลำดับได้โดย ลากขึ้น-ลง ตามลำดับที่คุณอยากให้แสดง
- ตัวอย่าง:
ขั้นตอนที่ 4: กด "บันทึก (Save)" แล้วตรวจสอบผลลัพธ์
- กลับไปที่หน้า “ดูบล็อก”
- เมนูด้านบนจะปรากฏขึ้นเรียบร้อยแล้ว พร้อมเชื่อมโยงหน้าเพจที่คุณเลือกไว้
3.3 การเพิ่ม “ลิงก์โพสต์หรือหมวดหมู่” ลงในเมนูด้วยตนเอง
- เพิ่มโพสต์หรือหมวดบทความเฉพาะทางเข้าเมนูได้เอง
- สามารถควบคุมลิงก์ภายนอก เช่น ไปยัง YouTube, Shopee, หรือ Facebook ได้ด้วย
3.4 ทำเมนูย่อย (Dropdown Menu) ได้ไหม?
วิธีจัดกลุ่มเมนูแบบย่อย:
- บทความ >> รีวิวมือถือ
- บทความ >> เทคนิค SEO
3.5 ตัวอย่างการจัดเมนูแบบมืออาชีพ
เมนูหลัก | เมนูย่อย (Dropdown) |
---|---|
หน้าแรก | - |
เกี่ยวกับเรา | - |
บทความ | รีวิวมือถือ, เทคนิค SEO, การสร้างบล็อก |
ติดต่อเรา | - |
นโยบายเว็บไซต์ | Privacy Policy, Terms of Use |
บทสรุปของหัวข้อนี้
อย่าให้บล็อกคุณเป็นแค่ที่รวมโพสต์กระจัดกระจายจงเปลี่ยนมันให้เป็นเว็บไซต์ที่ครบเครื่อง ด้วยการวางเมนูที่เรียบร้อย มีลำดับ มีระบบ
4. วิธีเขียนเนื้อหาในแต่ละหน้าเพจให้น่าเชื่อถือและเหมาะกับ SEO (พร้อมตัวอย่าง)
หลายคนพอรู้ว่า Blogger มี “หน้าเพจ” ให้สร้าง ก็รีบไปเขียนแบบขอไปที พิมพ์ว่า “สวัสดีครับ ผมทำบล็อกนี้ขึ้นมา ขอบคุณครับ” แค่นี้จบ... แต่พอสมัคร AdSense ปุ๊บ — โดนปฏิเสธแบบงง ๆ
เหตุผลคือ Google ไม่รู้จักคุณเลยครับ เพราะคุณยังไม่ได้ “บอกโลก” อย่างจริงจังว่าคุณคือใคร ทำอะไร มีจุดประสงค์ยังไง และให้ผู้อ่านเชื่อใจคุณได้ไหม
หัวข้อนี้เลยจะพาคุณมา เขียนหน้าเพจแบบคนธรรมดาทำได้ ด้วยภาษาที่จริงใจ มีหลักการ และไม่ต้องใช้ศัพท์วิชาการให้ยุ่งยากเลย
4.1 หน้าเกี่ยวกับเรา (About Us / เกี่ยวกับเรา)
เป้าหมายของเพจนี้
- ให้ผู้อ่านรู้จักตัวคุณ
- ให้ Google เห็นว่าคุณ “มีตัวตน” จริง
- เป็นการสร้าง Brand Personality แบบธรรมดา ๆ แต่จริงใจสุด ๆ
เคล็ดลับการเขียน
- เริ่มจากเล่าว่า "คุณคือใคร?" (แบบไม่ต้องอวดเกินไป)
- บอกว่า “ทำไมถึงเริ่มเขียนบล็อกนี้?”
- เขียนถึงเป้าหมายของบล็อก
- บอกว่าคุณเขียนเนื้อหาเอง (หรือดูแลเรื่องอะไร)
- เสริมว่า "ยินดีแลกเปลี่ยนความเห็น" หรือ "ขอบคุณที่มาอ่าน"
ตัวอย่าง
สวัสดีครับ ผมชื่อ “ลูโม (LuMoo)” เป็นคนธรรมดาคนหนึ่งที่มีความหลงใหลในการเขียน ชอบสังเกตสิ่งรอบตัว และอยากแบ่งปันเรื่องราวเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่อาจทำให้ใครบางคนยิ้มได้ คิดตามได้ หรือได้แรงบันดาลใจกลับไป
บล็อกนี้ผมตั้งใจเขียนขึ้นมาด้วยมือถือเครื่องเดียว โดยอยากพิสูจน์ว่า เราสามารถสร้างพื้นที่เล็ก ๆ บนอินเทอร์เน็ตได้ แม้ไม่มีเงินทุนหรืออุปกรณ์แพง ๆ
ทุกบทความผมเรียบเรียงเองทั้งหมดจากประสบการณ์ตรง หรือจากสิ่งที่ค้นคว้ามาเพิ่มเติม หากคุณมีข้อแนะนำหรืออยากพูดคุย สามารถติดต่อผมได้ที่หน้า “ติดต่อเรา” นะครับ ขอบคุณที่แวะมา!
4.2 หน้าติดต่อเรา (Contact Us / ติดต่อเรา)
เป้าหมายของเพจนี้
- สร้างความไว้วางใจ ว่าคุณเปิดเผยตัวตน
- ให้คนติดต่อคุณได้จริง (ทั้งผู้อ่าน และผู้สนับสนุน)
- สำหรับ AdSense แล้ว หน้าเพจนี้เป็นอีกหนึ่ง “หลักฐานว่าคุณไม่ใช่บล็อกผี”
ควรใส่อะไรในหน้าเพจนี้บ้าง
- อีเมล (ต้องเป็นอีเมลจริงที่ใช้งานได้)
- แบบฟอร์มติดต่อ (แนะนำใช้ Google Forms)
- ช่องทางโซเชียล (ถ้ามี เช่น Facebook Page, Line OA, ฯลฯ)
ตัวอย่าง
ถ้าคุณมีข้อเสนอแนะ คำถาม หรืออยากติดต่อพูดคุยกับผม ไม่ว่าจะด้วยเรื่องบล็อก หรืออยากแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับบทความ สามารถติดต่อผมได้ทางช่องทางด้านล่างนี้เลยครับ
อีเมล: admin@lumooblog.com
แบบฟอร์มติดต่อ: คลิกที่นี่เพื่อส่งข้อความถึงผม
ผมจะพยายามตอบกลับให้เร็วที่สุด ขอบคุณมากที่สนใจและเข้ามาเยี่ยมชมครับ
4.3 หน้านโยบายความเป็นส่วนตัว (Privacy Policy)
เป้าหมายของเพจนี้
- เป็นเงื่อนไขพื้นฐานของเว็บไซต์หรือเว็บบล็อกที่จะใช้ สมัคร Google AdSense จะต้องมีหน้าเพจชี้แจงเกี่ยวกับนโยบายความเป็นส่วนตัว
- แสดงความโปร่งใส ว่าคุณเคารพข้อมูลของผู้เข้าชม
- เป็นจุดที่ Google ตรวจสอบก่อนอนุมัติ AdSense
เนื้อหาควรมี
- แจ้งว่ามีการใช้คุกกี้หรือ Google Analytics หรือไม่
- แจ้งว่ามีโฆษณาหรือ Affiliate Link หรือไม่
- อธิบายว่าข้อมูลที่ผู้ใช้งานกรอก จะนำไปใช้อย่างไร
- เพิ่มลิงก์ไปยัง Privacy Policy ของ Google
เครื่องมือช่วยเขียน
ใช้เว็บ privacygenerator.net หรือ termly.io เพื่อสร้างนโยบายแบบอัตโนมัติ
จากนั้นแปลเป็นภาษาไทย หรือใช้แบบภาษาอังกฤษก็ได้ (Google ยอมรับทั้งคู่)
ตัวอย่างแบบย่อ (ภาษาไทย)
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อวิเคราะห์การใช้งาน และแสดงโฆษณาผ่านบริการ Google AdSense ซึ่งอาจเก็บข้อมูลแบบไม่ระบุตัวตนของผู้ใช้งาน เพื่อแสดงเนื้อหาที่เกี่ยวข้องมากขึ้น
หากคุณต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบายการใช้ข้อมูลของ Google สามารถดูได้ที่ Google Privacy & Terms
4.4 หน้าข้อกำหนดการใช้งาน (Terms and Conditions)
เป้าหมายของเพจนี้
- สร้างขอบเขตความรับผิดชอบ
- ป้องกันการเข้าใจผิดหรือข้อกฎหมาย
- บอกผู้ใช้งานว่า "ข้อมูลในเว็บนี้มีไว้เพื่อวัตถุประสงค์อะไร"
เนื้อหาที่ควรใส่
- เว็บไซต์มีจุดประสงค์อะไร (ข้อมูล/การศึกษา/ความบันเทิง)
- ไม่รับผิดชอบหากข้อมูลมีความคลาดเคลื่อน
- ผู้ใช้งานควรตรวจสอบข้อมูลก่อนนำไปใช้
- ลิงก์ภายนอก/ Affiliate อาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา
ตัวอย่าง
ข้อมูลทั้งหมดในเว็บไซต์นี้จัดทำขึ้นเพื่อการแบ่งปันความรู้และประสบการณ์ส่วนบุคคล ผู้ใช้งานควรใช้วิจารณญาณและตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมก่อนนำไปใช้ในทางใดทางหนึ่ง
ทางเว็บไซต์ไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายใด ๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากการนำข้อมูลไปใช้ และขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงเนื้อหาโดยไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้า
4.5 หน้า Sitemap หรือรวมบทความ (บทความทั้งหมด / แยกหมวดหมู่)
เป้าหมายของเพจนี้
- ช่วยให้ผู้อ่านสำรวจบล็อกได้ง่ายขึ้น
- เป็นโครงสร้าง SEO ที่ดีเยี่ยม
- ใช้ลิงก์ภายในเพื่อกระจายความน่าสนใจของบทความ
วิธีทำ
- ใช้การลิงก์แบบ HTML (สร้างรายการบทความด้วยตัวเอง)
- หรือฝังโค้ด JavaScript ที่แสดงรายชื่อบทความอัตโนมัติ
- แยกหมวดหมู่ เช่น
- รีวิวมือถือ
- เทคนิค SEO
- การเขียนบล็อก
ตัวอย่างการจัดหมวดแบบง่ายๆ ในรูปแบบมุมมอง html
<h3>หมวด: รีวิวมือถือ</h3>
<ul>
<li><a href="https://yourblog.blogspot.com/2025/04/iphone-review.html">รีวิว iPhone 16</a></li>
<li><a href="https://yourblog.blogspot.com/2025/04/oppo-review.html">รีวิว OPPO A78</a></li>
</ul>{codeBox}
หรือจะเขียนให้เป็นบล็อกเล่าเรื่องก็ได้ เช่น
ถ้าคุณกำลังหาวิธีเขียนบล็อกด้วยมือถือ ลองเริ่มจาก บทความนี้เลยครับ
หรือถ้าสนใจเรื่อง SEO ผมแนะนำให้เริ่มจาก บทความนี้
สรุปหน้าเพจไม่ใช่แค่หน้าที่ไว้ให้เต็มเมนูครับ แต่คือ "คำแนะนำตัว" อย่างเป็นทางการต่อโลกอินเทอร์เน็ต โดยเฉพาะ Google ที่ต้องการรู้ว่าใครคือคนเขียนบล็อก และคุณมีเจตนาจริงใจแค่ไหนในการแบ่งปันเนื้อหา
- เขียนเพจให้ดี แปลว่าคุณมีโอกาสผ่าน AdSense มากขึ้น + บทความ content ต้นฉบับ มีคุณภาพไม่คัดลอกใครด้วยนะ
- เขียนเพจให้น่าเชื่อถือ แปลว่าคุณมีโอกาสได้ผู้อ่านที่กลับมาอีก
- เขียนเพจให้ “อ่านเข้าใจง่ายแก้ไขปัญหาตรงจุดตอบคำถามตรงใจ” แปลว่าโลกออนไลน์จะรักคุณได้นาน
5. เทคนิคการสร้างลิงก์ภายในหน้าเพจให้ SEO ปัง ผู้อ่านไหลลื่น
- เกี่ยวกับเรา
- รวมบทความ
- หมวดหมู่
- Sitemap
- หรือแม้แต่ footer
5.1 ลิงก์ภายในคืออะไร? ทำไมถึงสำคัญ
ลิงก์ภายใน (Internal Links) คือ ลิงก์ที่เชื่อมจากบทความหนึ่ง ไปยังอีกบทความหนึ่ง ภายในบล็อกเดียวกัน
- ช่วยกระจายค่า SEO จากหน้าหนึ่งไปอีกหน้า
- ทำให้บทความใหม่มีโอกาสติดอันดับเร็วขึ้น
- ผู้อ่านไหลต่อไปยังเนื้อหาที่เกี่ยวข้องได้แบบไม่หลุดวงจร
- ช่วยลด Bounce Rate (คนอ่านแล้วกดออกเลย)
5.2 จุดที่ควรใส่ลิงก์ภายในในหน้าเพจ
- ใส่ลิงก์ไปยังบทความแรก หรือบทความที่คุณภูมิใจ
- เช่น
ถ้าอยากรู้ว่าผมเริ่มเขียนจากอะไร ลองเริ่มที่ บทความนี้เลยครับ
- แยกหมวดเป็นหัวข้อ แล้วใส่ลิงก์แต่ละบทความเข้าไป
- แนะนำใช้รายการ <ul><li> แบบ HTML หรือเขียนเป็นข้อความแปะลิงก์ธรรมดาก็ได้
ถ้ามีข้อเสนอแนะเกี่ยวกับบทความ การเขียนบล็อกด้วยมือถือ ก็สามารถพูดคุยได้เช่นกัน
- ลิงก์ไปยังบทความที่เกี่ยวกับคุกกี้, วิธีใช้ Analytics, หรือบทความอธิบายสิ่งที่คุณใช้ในบล็อก
กลยุทธ์ | อธิบาย | ตัวอย่าง |
---|---|---|
Link from high-traffic to low-traffic post | ส่งคนจากบทความยอดนิยม ไปยังบทความที่ยังไม่มีคนเห็น | “อ่านบทความนี้ต่อได้ที่...” |
Link from new post to old post | เชื่อมบทความใหม่เข้ากับบทความที่เคยติดอันดับ | “ก่อนหน้านี้ผมเคยพูดถึง...” |
Link within the same category | ลิงก์เฉพาะในหมวดเดียวกัน | รีวิวมือถือ → รีวิวมือถือ |
Use keyword as anchor text | ใช้ “คำค้น” เป็นข้อความลิงก์ | “วิธีเขียนบล็อกด้วยมือถือ” เป็นข้อความคลิกได้ |
5.5 สิ่งที่ไม่ควรทำกับลิงก์ภายใน
- อย่าแปะลิงก์แบบ “คลิกที่นี่” เยอะเกินไป → มันไม่บอกอะไรเลยกับ Google
- อย่าแปะลิงก์มั่ว → ลิงก์ควรเกี่ยวข้องกับเนื้อหา
- อย่าใช้ลิงก์ซ้ำ ๆ เดิมทุกหน้า → Google จะมองว่าไม่เป็นธรรมชาติ
- อย่าแปะลิงก์มากเกินไปในหน้าเดียว → แนะนำไม่เกิน 100 ลิงก์ต่อหน้า
5.6 ตัวอย่าง หน้า “เกี่ยวกับเรา” ที่แทรกลิงก์อย่างกลมกลืน
ลิงก์ภายใน คือสายใยของเว็บไซต์ มันเชื่อมบทความของคุณเข้าด้วยกัน ช่วยให้ Google เข้าใจว่าคุณ “พูดถึงเรื่องอะไรบ่อยที่สุด”และทำให้ผู้อ่านรู้ว่า... บล็อกนี้มีอะไรให้อ่านอีกเยอะ!
6. การออกแบบเมนู Footer และการสร้างโครงสร้างลิงก์เพจแบบครบวงจร (เชื่อมเมนูบน-ล่างให้กลมกลืน)
เมื่อเมนูด้านบนคือหน้าต่าง... Footer ก็คือประตูหลังบ้านที่ไม่ควรละเลย
หลายคนโฟกัสแต่เมนูด้านบนสุดของเว็บไซต์จนลืมว่า... "Footer" หรือแถบด้านล่างสุดของเว็บไซต์นั้นก็สำคัญไม่แพ้กัน
เพราะมันเป็นพื้นที่ที่ผู้อ่านมักเลื่อนลงมาถึงสุดท้ายก่อนจะกดออก หรือ...กดต่อ
Footer ไม่ใช่แค่ที่ใส่คำว่า “©2025 ลูโมบล็อก” เท่ ๆแต่มันควรเป็นศูนย์รวมลิงก์สำคัญที่เชื่อมทุกเพจเข้าด้วยกัน
6.1 ทำไม Footer ถึงสำคัญกับ SEO และ User Experience
- SEO
- Google มอง Footer เป็นแหล่งของ “ลิงก์ถาวร” ที่บ่งบอกว่า หน้านี้สำคัญจริง คุณเลยใส่ไว้ทุกหน้า
- ถ้าคุณใส่ลิงก์ไปหน้า “นโยบายความเป็นส่วนตัว” หรือ “เกี่ยวกับเรา” ที่ Footer → Google จะจัดอันดับหน้านั้นดีขึ้น
- ผู้อ่าน
- ผู้อ่านบางคนเลื่อนลงมาล่างสุด เพื่อหาเมนูที่หาไม่เจอบนหัวเว็บ เช่น ลิงก์ไป Facebook, ช่องติดต่อ, หรือหมวดบทความเก่า
6.2 หน้าเพจใดบ้างที่ควรใส่ไว้ใน Footer
แนะนำว่าควรมี 3–6 ลิงก์ตามนี้
- เกี่ยวกับเรา (About)
- ติดต่อเรา (Contact)
- นโยบายความเป็นส่วนตัว (Privacy Policy)
- ข้อกำหนดการใช้งาน (Terms & Conditions)
- รวมบทความ (Sitemap)
- ลิงก์ไปยัง Facebook Page หรือช่องทางติดตาม
ถ้าคุณใส่ครบทุกหน้าเพจที่เราเขียนมาก่อนหน้านี้ → Footer ของคุณจะเป็น "ศูนย์กลางความน่าเชื่อถือ" ได้เลยครับ
6.3 วิธีเพิ่มลิงก์เพจใน Footer ของ Blogger (ผ่านมือถือ)
1. เปิด Blogger > ออกแบบ Layout (เค้าโครง)
- ใช้เบราว์เซอร์ (Chrome หรือ Brave)
- ไปที่ “เค้าโครง” ของบล็อก
2. มองหากล่องด้านล่าง เช่น “Footer-1”, “Footer-Menu”, “Bottom”
แต่ละธีมใช้ชื่อไม่เหมือนกัน บางทีจะเขียนว่า “Copyright” หรือ “Footer Section”
3. คลิก “เพิ่ม Gadget” ในกล่องนั้น แล้วเลือก “ลิงก์” (Link List)
4. เพิ่มลิงก์เพจลงไปตามนี้:
- ชื่อ: เกี่ยวกับเรา → URL: /p/about.html
- ชื่อ: ติดต่อเรา → URL: /p/contact.html
- ชื่อ: Privacy Policy → URL: /p/privacy-policy.html(ชื่อเพจคุณอาจตั้งเป็นภาษาไทย แต่ URL จะยังคงเป็นอังกฤษ เพราะเราตั้งไว้ตั้งแต่แรก)
Tip: คุณไม่ต้องใส่โดเมนเต็ม เช่น https://yourblog.blogspot.com/p/about.html
ใช้แค่ /p/about.html ก็พอ เพราะ Blogger จะต่อให้อัตโนมัติ
5. กด “บันทึก” แล้วกลับไปดูหน้าเว็บ
Footer ที่ดีจะโชว์ลิงก์เหล่านี้เรียงแบบเรียบง่าย และติดอยู่ด้านล่างของทุกหน้า
แต่ถ้าธีมของคุณไม่มีกล่อง Footer ให้เพิ่มลิงก์แบบ Link List ได้โดยตรง ก็ไม่ต้องตกใจครับ!
คุณยังสามารถสร้างลิงก์เหล่านี้เองได้ง่าย ๆ ด้วยการใช้ Gadget แบบ HTML แทน
วิธีการคือ
1. ไปที่หน้า ออกแบบ เค้าโครง (Layout) เหมือนเดิม
2. กด “เพิ่ม Gadget” แล้วเลือก HTML/JavaScript
3. ในช่องเนื้อหา ให้ใส่โค้ด HTML แบบนี้
<ul>
<li><a href="https://yourblog.blogspot.com/p/about.html">เกี่ยวกับเรา</a></li>
<li><a href="https://yourblog.blogspot.com/p/contact.html">ติดต่อเรา</a></li>
<li><a href="https://yourblog.blogspot.com/p/privacy-policy.html">นโยบายความเป็นส่วนตัว</a></li>
</ul>{codeBox}
อธิบายเพิ่มเติมเล็กน้อย
- สิ่งที่อยู่ใน <li> คือ “เมนู” ที่จะโชว์ให้คนคลิก
- สิ่งที่อยู่ใน <a href="..."> คือ “ลิงก์” ที่จะพาไปหน้าเพจของคุณ
- อย่าลืมเปลี่ยน yourblog.blogspot.com ให้ตรงกับชื่อบล็อกของคุณเอง
6.4 การทำให้เมนูบน–ล่าง “พูดกันรู้เรื่อง”
เมนูด้านบนบอก “คุณจะไปที่ไหน”
เมนูด้านล่างบอก “คุณไปต่อที่ไหนดี”
การเชื่อมโยงสองจุดนี้เข้าด้วยกัน จะทำให้บล็อกของคุณดู “มีความต่อเนื่อง” ไม่ใช่แค่ยัดหน้าเพจไปให้ครบเฉย ๆ
ตัวอย่างกลยุทธ์
- ด้านบน: แสดงหน้า “บทความ”, “หมวดหมู่”, “หน้าแรก”, “รีวิวมือถือ”
- ด้านล่าง: แสดงหน้า “เกี่ยวกับเรา”, “ติดต่อเรา”, “นโยบายความเป็นส่วนตัว”, “Terms & Conditions”
หลักการง่าย ๆ คือ
เมนูบน = เส้นทางเดิน
เมนูล่าง = พื้นฐานความมั่นใจ
6.5 Footer สไตล์มืออาชีพควรมีอะไรอีกบ้าง?
นอกจากลิงก์เพจแล้ว คุณสามารถเพิ่มสิ่งเหล่านี้เข้าไปได้
- Copyright แบบอัตโนมัติ ใช้โค้ด HTML เช่น
© <script>document.write(new Date().getFullYear());</script> LuMoo Blog
ลิงก์ไปยัง Social Media
- เพิ่มปุ่มหรือลิงก์ไปยัง Facebook, Line, หรือ Twitter
- (แนะนำใช้ไอคอนเล็ก ๆ ถ้าธีมของคุณรองรับ)
ข้อความเล็ก ๆ ที่สร้าง “ตัวตน” ของบล็อก:
“ขอบคุณที่อ่านจนถึงบรรทัดนี้ — หวังว่าเนื้อหาของลูโม (LuMoo) จะช่วยคุณไม่มากก็น้อยครับ :)”
6.6 อย่าลืมใส่ลิงก์เพจใน Sitemap และ robots.txt ด้วย (เทคนิคเสริม SEO)
เมื่อคุณมีหน้าเพจหลักครบแล้ว ควรใส่ลิงก์ของแต่ละเพจลงใน:
- หน้า Sitemap (รวบรวมทุกลิงก์ให้ Google รู้จัก)
- robots.txt (ในรูปแบบ Sitemap URL)
เพื่อช่วยให้ Googlebot เดินทางเข้าไปเก็บข้อมูลได้ครบทุกหน้าในเว็บไซต์ของคุณ ไม่ว่าจะอยู่บนหรืออยู่ล่างครับ
สรุป
การใส่เมนูด้านล่าง ไม่ได้ทำให้เว็บไซต์ดูเก่า แต่มันทำให้ดู “เสร็จสมบูรณ์”
เหมือนกับว่าคุณทำบ้านเสร็จทั้งหลังแล้ว ยังไม่ลืมใส่เลขที่บ้านไว้หน้าประตู
Footer จึงเป็นเหมือน “ลายเซ็นสุดท้าย” ของเว็บไซต์ที่ดี และ Google ก็ใช้จุดนี้เพื่อพิจารณาความน่าเชื่อถือของคุณด้วยเช่นกัน
7. โครงสร้างเว็บไซต์ที่ดีสำหรับ Blogger: แผนผัง + ตัวอย่างจัดหน้าเว็บแบบครบวงจร
เว็บไซต์ที่ดี ไม่ได้มีแค่บทความเยอะ แต่ต้องมี “เส้นทางการเดิน” ที่ชัดเจน
เหมือนห้างสรรพสินค้าที่มีแผนผัง มีทางเดิน มีป้ายบอกทาง คนเข้าไปถึงจะรู้สึกว่า “ใช่... ฉันอยากอยู่ที่นี่นาน ๆ”
บล็อกของคุณก็เช่นกันครับ โครงสร้างเว็บไซต์ = หัวใจของการจัดระบบให้เนื้อหาที่คุณเขียนทุกบท “เชื่อมโยงกันอย่างมีเหตุผล” และเปิดให้ทั้งคนอ่านและ Google เข้าใจว่าคุณกำลังสร้างอะไรอยู่
7.1 โครงสร้างเว็บไซต์แบบง่ายสำหรับ Blogger (ฉบับมือใหม่แต่ดูโปร)
ลองดูแผนผังด้านล่างนี้ครับ นี่คือตัวอย่างโครงสร้างเว็บไซต์ที่คุณสามารถสร้างได้ทั้งหมดผ่านมือถือ บน Blogger แบบไม่ต้องแตะโค้ดเลยแม้แต่บรรทัดเดียว
หน้าแรก (Home)
│
├── หน้าเพจพื้นฐาน
│ ├── เกี่ยวกับเรา (About)
│ ├── ติดต่อเรา (Contact)
│ ├── นโยบายความเป็นส่วนตัว (Privacy Policy)
│ └── ข้อกำหนดการใช้งาน (Terms & Conditions)
│
├── หมวดหมู่บทความ (Categories)
│ ├── รีวิวมือถือ (Label: รีวิวมือถือ)
│ ├── เทคนิค SEO (Label: SEO)
│ └── เขียนบล็อกด้วยมือถือ (Label: Blogger)
│
├── หน้า Sitemap / รวมบทความ
│ ├── ลิงก์ไปทุกบทความ
│ └── แยกตามหมวด / ปี
│
└── Footer
├── ลิงก์หน้าเพจสำคัญ (About / Contact / Privacy)
└── ลิงก์โซเชียลมีเดีย + ข้อความลิขสิทธิ์{codeBox}
7.2 โครงสร้างนี้ช่วยให้ Google AdSense “ไว้ใจ” เราได้อย่างไร?
- Google ชอบเว็บไซต์ที่มี หน้าเพจพื้นฐานครบ และแสดงให้เห็นว่าเจ้าของเว็บไซต์ “มีตัวตน”
- การจัดหมวดหมู่ชัดเจน และแยกลิงก์เป็นระเบียบ → ช่วยให้ Google เข้าใจความสนใจหลักของบล็อก
- Sitemap และลิงก์ภายใน → ทำให้ Googlebot วิ่งเก็บข้อมูลได้ครบทุกบทความ
- Footer ที่ลิงก์กลับไปยังหน้าหลักต่าง ๆ → ช่วยเสริมความเชื่อมโยงของเนื้อหาในระดับโครงสร้าง
ผลลัพธ์
บล็อกของคุณดู “ครบ”ทั้งในมุมผู้อ่าน และมุมของระบบอัลกอริทึม
7.3 ตัวอย่างการจัดหน้าเว็บ Blogger ให้ดูเป็น “เว็บไซต์เต็มตัว”
สมมติว่าคุณทำบล็อกชื่อ LuMoo Blog – เขียนบล็อกด้วยมือถือคุณสามารถออกแบบหน้าเว็บให้ดูเป็นระบบแบบนี้ได้เลย
เมนูด้านบน (Main Menu)
- หน้าแรก
- คู่มือเขียนบล็อกด้วยมือถือ
- เทคนิค SEO
- รวมบทความ
- ติดต่อเรา
หน้าเพจใสเมนู
- เกี่ยวกับเรา → /p/about.html
- ติดต่อเรา → /p/contact.html
- Privacy Policy → /p/privacy-policy.html
- ข้อกำหนดเว็บไซต์ → /p/terms.html
เมนู Footer (ล่างสุด)
- เกี่ยวกับเรา
- นโยบายเว็บไซต์
- ลิงก์โซเชียล
- ปีลิขสิทธิ์แบบอัปเดตอัตโนมัติ
หน้า “รวมบทความ” แบบสวย ๆ
- แยกตามหมวด
- มีลิงก์ภายใน
- มี “แนะนำบทความที่คล้ายกัน”
- ใส่ <ul> + ลิงก์เรียงลำดับอย่างเป็นระบบ
7.4 เทคนิคทำให้โครงสร้างเว็บไซต์ดู “มืออาชีพ” แม้เขียนด้วยมือถือ
- ใช้ Label (ป้ายกำกับ) อย่างสม่ำเสมอ และไม่สับสน เช่น
- ไม่ควรใช้ “SEO”, “Seo”, “seo” ปะปนกัน
- ตั้ง URL หน้าเพจให้เป็นอังกฤษทั้งหมด เช่น /p/about.html, /p/privacy.html
- ตั้งชื่อหัวข้อเพจแบบชัดเจน เช่น “เกี่ยวกับเรา” ไม่ใช่ “แนะนำตัวเอง”
- ใช้ Internal Link เชื่อมบทความเก่า → ใหม่ และ ใหม่ → เก่า
- ใช้ Layout Builder ในธีม เพื่อปรับตำแหน่งของเมนูโดยไม่แตะ HTML
7.5 ตัวช่วยวางแผนโครงสร้างเว็บ
ผมแนะนำให้ใช้ Notion หรือ Trello เพื่อทำ “แผนผังเว็บไซต์” ก่อนสร้างจริง
แค่ร่างไว้ว่า...
- จะมีเพจกี่หน้า
- มีหมวดอะไรบ้าง
- บทความในแต่ละหมวดจะเขียนหัวข้ออะไร
- ลิงก์ไหนควรโยงไปหากันบ้าง
- วิธีนี้จะช่วยให้คุณ “วางระบบ” ได้ก่อนลงมือจริง และลดความสับสนในระยะยาว
บทส่งท้ายโครงสร้างเว็บไซต์ไม่ใช่ของหรู แต่มันคือของจำเป็น
ถ้าคุณอยากให้คนอ่านรู้สึกว่าเว็บไซต์ของคุณน่าอยู่ถ้าคุณอยากให้ Google เข้าใจว่าเนื้อหาคุณเกี่ยวกับอะไรการ
จัดโครงสร้างเว็บให้ดี คือคำตอบ
Blogger เป็นของฟรี แต่คุณสามารถ “จัดบ้าน” ให้ดูแพงได้ ด้วยการใส่ใจรายละเอียดเรื่องเพจ, ลิงก์, เมนู, และทางเดินของผู้อ่าน ไม่ต้องแตะโค้ดไม่ต้องเก่งเทคโนโลยี แค่ใช้มือถือเครื่องเดียว... คุณก็สร้างเว็บไซต์แบบครบโครงสร้างได้จริง
“แค่มีหน้าเพจดี ๆ ยังไม่พอ...ถ้า Google ยังไม่รู้จักเรา”พอเราสร้างหน้า “เกี่ยวกับเรา”, “ติดต่อเรา”, “นโยบายความเป็นส่วนตัว” และใส่ไว้ในเมนูเรียบร้อยแล้ว บล็อกของเราก็เริ่มดูเป็นเว็บไซต์ที่มีตัวตนขึ้นมาทันทีแต่...ยังมีอีกหนึ่งขั้นตอนที่มือใหม่หลายคนมักลืมทำ นั่นคือ“การบอก Google ว่า บล็อกของเรามีอยู่จริง!” ใช่ครับ เราต้องพาเว็บไซต์ของเราไปแนะนำตัวกับ Search Engine อย่าง Google, Bing และ Yandex ด้วยตัวเอง ไม่งั้นบทความดีแค่ไหนก็อาจใช้เวลานานมากกว่าจะมีคนหาเจอ
ในบทความถัดไป ผมจะพาคุณไปทำทีละขั้น วิธีเพิ่มเว็บไซต์ของคุณไปยัง Google Search Console และ Bing Webmaster Tools และ Yandex ด้วยมือถือไม่มีคอมก็จัดการได้ครบทุกขั้นตอน พร้อมเทคนิคที่ทำให้ Google Index บล็อกคุณเร็วขึ้นกว่าเดิม
อ่านต่อได้ที่นี่เลยครับ[วิธีเพิ่มเว็บไซต์ของคุณไปยัง Google Search Console และ Bing Webmaster Tools และ Yandex ด้วยมือถือ]
ย้อนอ่านบทความก่อนหน้านี้ [โพสต์เนื้อหาใน Blogger ผ่านมือถือยังไงให้ติดอันดับ SEO]
0 ความคิดเห็น